ชาวรัฐนิวเจอร์ซีย์พบเห็นโดรนปริศนาบินบนท้องฟ้ายามค่ำคืนมาหลายสัปดาห์แล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางก็ไม่ยอมบอกชัดเจนว่ามันมาจากไหน หรือเป็นของใครกันแน่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การพบเห็นวัตถุบินปริศนาลักษณะคล้าย โดรน หลังจากพระอาทิตย์ตกดินหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เกิดความกังวลในหมู่ประชาชนชาวรัฐนิวเจอร์ซีย์ ของสหรัฐฯ และเริ่มทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง ที่ไม่ยอมจริงจังกับเรื่องนี้ และอธิบายว่า โดรนดังกล่าวคืออะไรกันแน่
เจ้าหน้าที่ของรัฐนิวเจอร์ซีย์ได้รับรายงานมากมายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนแล้ว โดยมีการพบโดรนปริศนาบินบนท้องฟ้ายามราตรี หลายครั้งมันมาเป็นกลุ่ม และบินโดยไม่มีเป้าประสงค์ที่ชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามบอกให้สังคมอยู่ในความสงบ แต่กลับไม่สามารถอธิบายใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
“ณ เวลานี้ เราไม่มีหลักฐานว่ารายงานการพบเห็นโดรนเหล่านั้น เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือความปลอดภัยสาธารณะ หรือมีส่วนเชื่อมโยงกับต่างประเทศหรือไม่” เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) กับกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิกล่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่แถลงการณ์พยายามสร้างความมั่นใจดังกล่าว แทบไม่ทำให้ประชาชนคลายความกังวล เรื่องวัตถุบินลึกลับเหล่านี้ เนื่องจากไม่มีการบอกว่าใครเป็นเจ้าของ หรือว่ามันมาจากไหน
“พูดตามตรงมันค่อนข้างน่าขุ่นเคือง ที่เจ้าหน้าที่ของเรา คาดหวังให้เราเชื่อว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สามารถยิงมิสไซล์ที่อยู่ห่างออกไป 5,000 ไมล์จนตกได้ แต่เราไม่รู้ว่าโดรนพวกนี้มาจากไหนอย่างนั้นหรือ?” นายเจมส์ ด็อดด์ นายกเทศมนตรีเมืองโดเวอร์ ของรัฐนิวเจอร์ซีย์กล่าว
ทั้งนี้ เมืองโดเวอร์ อยู่ไม่ไกลจาก “พิคาตินี อาร์เซนอล” (Picatinny Arsenal) ศูนย์วิจัยและการผลิตของกองทัพ ซึ่งสำนักงานบริหารการบินกลาง (FAA) บังคับใช้คำสั่งห้ามบินอากาศยานไร้คนขับเหนือท้องฟ้าแถบนี้เมื่อเดือนก่อน อ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย และคำสั่งแบบเดียวกันก็ถูกประกาศในเดือนนี้ บริเวณสนามกอล์ฟของนายทรัมป์ ที่เมืองเบดมินสเตอร์ ในรัฐนิวเจอร์ซีย์เช่นกัน
...
แต่ไม่มีคำสั่งแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นที่อื่นในรัฐนิวเจอร์ซีย์เลย แม้จะเป็นพื้นที่ที่มีรายงานการพบเห็นโดรนปริศนาก็ตาม
นายด็อดด์เป็นหนึ่งในนายกเทศมนตรีเมืองในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ที่ได้รับเชิญไปร่วมการประชุมซึ่งจัดโดยสำนักงานตำรวจนิวเจอร์ซีย์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และเขาไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยข้อมูลในเรื่องสำคัญ และโพสต์เอกสารถามตอบที่เขาได้รับจากกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ ความว่า “ณ ตอนนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้บินโดรนดังกล่าว”
รายงานการพบเห็นโดรนปริศนาเกิดขึ้นหลายจุดในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของรัฐ ซึ่งนาย แลร์รี โฮแกน อดีตผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์ เขียนลงบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ของตัวเองว่า เขาได้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็น โดรนขนาดใหญ่หลายสิบลำบินบนท้องฟ้า เหนือบ้านของเขานานประมาณ 45 นาที เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 12 ธ.ค.
“เหมือนกับผู้พบเห็นโดรนเหล่านี้คนอื่นๆ ผมไม่รู้ว่าความเคลื่อนไหวเหนือท้องฟ้าของเราที่กำลังเพิ่มมากขึ้นนี้ เป็นภัยต่อความมั่นคงสาธารณะหรือของชาติหรือไม่ แต่สิ่งที่กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คือความกังวลและความไม่พอใจของสังคม ต่อการขาดความโปร่งใสอย่างสิ้นเชิง และท่าทีปฏิเสธของรัฐบาลกลาง” นายโฮแกนระบุ
ด้านนางเคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ระบุในวันศุกร์ว่า เจ้าหน้าที่ของเธอกำลังสืบสวนกรณีการพบเห็นโดรนปริศนาในรัฐของเธอเอง โดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง
ขณะเดียวกัน น.ส.แมรี-ลู สมัลเดอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของบริษัท “ดีโดรน” (Dedrone) ซึ่งให้ความช่วยเหลือหน่วยงานด้านความปลอดภัยสาธารณะต่างๆ ตรวจจับโดรน กล่าวว่า กฎหมายรัฐบาลกลางตั้งข้อจำกัดเกี่ยวกับการใช้โดรนของพลเรือนเอาไว้ไม่กี่อย่าง รวมถึง การห้ามบินเข้าใกล้สนามบินหรือพื้นที่อ่อนไหว อย่างโรงงานนิวเคลียร์ หรือห้ามบินสูงเกิน 400 ฟุต
แต่ถึงกระนั้น ข้อกำหนดดังกล่าวก็มักถูกเพิกเฉย และดีโดรนตรวจพบการบินโดรนในลักษณะฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวมากกว่า 1.1 ล้านครั้งแล้ว ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา โดยที่ตำรวจทั้งระดับท้องถิ่นและระดับรัฐ ไม่ได้รับอำนาจให้จัดการสกัดโดรน ผู้มีอำนาจนี้มีเพียงหน่วยงานรัฐบาลกลาง และกระทำได้ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ ทำให้การปราบปรามทำได้ยาก
เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางระบุว่า พวกเขาไม่พบพฤติกรรมความมุ่งร้ายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับโดรนที่พบเห็นในนิวเจอร์ซีย์ “คงมีใครบางคนคิดว่าเป็นเรื่องตลก ที่พวกเขาสามารถสร้างความแตกตื่นได้” น.ส.สมัลเดอร์คาดการณ์ “การบินโดรนตอนกลางคืนจะมีเป้าหมายใดได้บ้าง? คงไม่มากนัก”
เจ้าหน้าที่ FBI ไม่เชื่อว่า รายงานการพบเห็นดังกล่าวเป็นการเห็นโดรนทั้งหมด โดยแถลงการณ์ร่วมระหว่างพวกเขากับกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิระบุว่า จากการทบทวนภาพที่มี พบว่าหลายกรณีเป็นอากาศยานที่มีคนขับ และบินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ออกมาเคลื่อนไหวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย แนะนำให้รัฐบาลบอกข้อมูลมากกว่านี้ หรือยิงทำลายอากาศยานนั้นเสียเลย
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : ft