ที่งาน ไต้หวัน เอ็กซ์โป 2024 จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน ร่วมกับสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA)  ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ เมื่อหลายวันก่อน ทีมข่าวต่างประเทศ นสพ.ไทยรัฐ ได้พูดคุย นายเจมส์ ซี. เฮฟ. ฮวง ประธาน TAITRA ช่วงสั้นๆ แต่มีใจความน่าสนใจ

นายฮวงมองว่าในบรรดาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆของไต้หวันที่มาร่วมแสดงประสิทธิภาพครั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรม Smart Medical Solution โซลูชันอัจฉริยะเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพ มีศักยภาพสูงสำหรับตลาดในประเทศไทย ที่ปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางบริการสุขภาพระดับนานาชาติ มั่นใจว่าความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของไต้หวันจะช่วยตอบโจทย์ได้ในทุกมิติ เช่นเดียวกับ Smart Transpor tation หรือระบบขนส่งอัจฉริยะ จะเป็นอีกแรงสำคัญผลักดันไทยในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในภูมิภาคให้แข็งแกร่งครบวงจร รวมทั้ง Green Energy Solution ทางออกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับคนรุ่นต่อๆไป อย่างเช่นรถยนต์ไฟฟ้า ก็มองเห็นช่องทางการเติบโตในเมืองไทย

ส่วนประเด็นที่หลายประเทศต่างพยายามดึงดูดการลงทุนจากบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดัก เตอร์รายใหญ่ นายฮวงแนะว่าปัจจุบันนี้ยังไม่มีประเทศใดสามารถผลิตเซมิคอนดักเตอร์หรือชิปได้เองเพียงลำพัง อย่างไต้หวันเองยังพึ่งพาวัตถุดิบจากสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ หรือญี่ปุ่น ขณะเดียวกันยังมีตัวอย่างมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ อยู่ในคลัสเตอร์ของการทดสอบและบรรจุภัณฑ์ ดังนั้น ไทยต้องมองให้ขาดว่าอะไรคือจุดแข็งของตนเอง พร้อมแนะว่าอาจเริ่มจากการออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (IC Design) ก่อนก็ได้ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีโรงงานขนาดใหญ่ ขณะที่การศึกษาในภาคส่วนนี้ของไทยก็มีคุณภาพ แต่ทั้งหมดต้องใช้เวลา ไต้หวันก็ใช้เวลาร่วม 40 ปีกว่าจะมาถึงวันนี้

...

พร้อมย้ำว่าขณะนี้เป็นเวลาดีที่สุดสำหรับการทำธุรกิจร่วมกันระหว่างไทยกับไต้หวัน อย่าได้รีรออีกต่อไป.

อมรดา พงศ์อุทัย

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม