ดูเหมือนจะเป็นปีชงของราชวงศ์อังกฤษ ตั้งแต่เปิดศักราชต้นปีมะโรง 2024 ก็เต็มไปด้วยข่าวอาการประชวรของเหล่าพระราชวงศ์ โดยทั้ง “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” และ “แคเธอรีน” เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ต่างได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น “มะเร็ง” ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้ต้องทรงยกเลิกพระราชกรณียกิจทุกอย่างนานหลายเดือน เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างเข้มข้น

“ทอม ปาร์กเกอร์ โบลว์ส” โอรสของ “สมเด็จพระราชินีคามิลลา” เปิดเผยถึงเบื้องหลังการต่อสู้กับมะเร็งของ “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” พระชนมพรรษา 76 พรรษา ว่า แต่ไหนแต่ไรมาทรงรักสุขภาพและดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ โดยจะเสวยเฉพาะผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกจากฟาร์มของพระองค์เอง และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปทั้งหลาย โดยเฉพาะพวกซอสต่างๆ ยิ่งเมื่อทรงประชวรด้วยโรคมะเร็ง ก็ยิ่งเคร่งครัดกับการดูแลสุขภาพและโภชนาการอาหารขึ้นกว่าเดิมมาก นอกจากจะเน้นอาหารที่ให้โปรตีนและพลังงานสูง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและชดเชยน้ำหนักที่ลดลง ยังทรงเลิกเสวยเนื้อแดงทุกชนิด และเสวยอะโวคาโดในทุกมื้ออาหาร

สอดคล้องกับ “เจนนี บอนด์” ผู้สื่อข่าวสายวังของสำนักข่าวบีบีซี ที่ระบุว่า “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” ทรงทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้เพื่อต่อสู้กับมะเร็งร้าย พระองค์ทรงเลิกเสวยเนื้อแดง และงดการเสวยผลิตภัณฑ์จากนมวัวทุกชนิด พระองค์อาจจะคิดถึงเมนูโปรดอย่าง “ซี่โครงแกะย่างออร์แกนิก” แต่เพื่อผลลัพธ์ในการรักษามะเร็งที่มีประสิทธิภาพ เธอเชื่อว่าคิงชาร์ลส์จะทรงมีวินัยในการควบคุมโภชนาการอย่างแน่นอน

ก่อนที่ปัญหาสุขภาพจะรุมเร้า “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” ก็โปรดเสวยอาหารเพื่อสุขภาพมาแต่ไหนแต่ไร โดยอดีตเชฟประจำราชสำนัก “เกรแฮม นิวโบลด์” เปิดเผยว่า ตั้งแต่สมัยดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมาร “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” ก็ทรงโปรดอาหารเพื่อสุขภาพเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเสด็จไปยังมุมใดของโลก จะทรงมีปิ่นโตอาหารเช้าส่วนพระองค์ติดตัวไปด้วย โดยในสำรับประกอบด้วยน้ำผึ้งป่า 6 ชนิด, มูสลีออร์แกนิก, ผลไม้แห้ง, ผลไม้สด, น้ำผลไม้คั้นสด และขนมปังโฮมเมด ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะต้องมาจากฟาร์มออร์แกนิกของพระองค์เองเท่านั้น

...

ด้าน “แคเธอรีน” เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทรงต่อสู้กับมะเร็งร้ายมานานถึง 9 เดือนเต็ม แม้กระบวนการรักษาจะเสร็จสิ้นลงเรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าหญิงทรงย้ำว่า การต่อสู้กับมะเร็งเป็นเรื่องน่ากลัว, ละเอียดอ่อน, ซับซ้อน และเหนือความคาดหมายของทุกคน โดยเฉพาะคนที่ใกล้ชิดในครอบครัว แม้ขั้นตอนการผ่าตัดและรังสีรักษาจะจบลงแล้ว แต่ข้าพเจ้าก็เชื่อว่าการบำบัดและฟื้นฟูร่างกายเพื่อป้องกันไม่ให้มะเร็งกลับมาเป็นซ้ำอีกคือสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนาน และค่อยเป็นค่อยไปในแต่ละวัน เจ้าหญิงยังทรงให้กำลังใจผู้ป่วยมะเร็ง โดยพร้อมอยู่เคียงข้างทุกคนเสมอ

ทั้งนี้ ไม่เป็นที่เปิดเผยในรายละเอียดว่า พระราชวงศ์ทั้งสองพระองค์ของอังกฤษทรงเป็นมะเร็งที่ใด มีเบาะแสแต่เพียงว่า “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” ทรงค้นพบมะเร็งหลังเข้ารับการรักษาพระอาการต่อมลูกหมากโต ขณะที่ “เจ้าหญิงแห่งเวลส์” เจอเชื้อมะเร็งตอนเข้ารับการผ่าตัดที่ช่องท้อง

ตามข้อมูลของสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติในสหราชอาณาจักร ระบุว่า มีคนอังกฤษ 1 ใน 2 คน ที่มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็ง โดยมะเร็งยอดฮิตที่คร่าชีวิตคนอังกฤษคือ มะเร็งเต้านม ตามมาด้วยมะเร็งปอด, มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ จากสถิติยังพบว่า ในสหราชอาณาจักร 1 ใน 3 ของผู้ป่วยมะเร็ง มีอายุมากกว่า 75 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 50 ปี...เรียกว่ายิ่งแก่ยิ่งเสี่ยงเป็นมะเร็ง!!

มิสแซฟไฟร์

คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม