ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเตรียมเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ภายในไม่กี่วันข้างหน้า หลัง มิเชล บาร์นิเยร์ แพ้โหวตไม่ไว้วางใจจนต้องลาออก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งกำลังเผชิญแรงกดดันทางการเมืองอย่างหนัก กล่าวในวันพฤหัสบดีที่ 5 ธ.ค. 2567 ว่า เขาหวังว่าจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ภายในไม่กี่วันข้างหน้า หลังจากนายกรัฐมนตรี มิเชล บาร์นิเยร์ แพ้โหวตไม่ไว้วางใจจนต้องขอลาออกเมื่อวันพุธ
นายมาครงยืนยันไม่ลาออกจากตำแหน่งตามเสียงเรียกร้อง แต่กล่าวโทษกลุ่มฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาจัด ว่าร่วมมือกันโค่นรัฐบาลของนายบาร์นิเยร์ “พวกสุดโต่งฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ร่วมมือกันเป็นแนวหน้าต่อต้านสาธารณรัฐ”
ทั้งนี้ พรรค “ฟรานซ์ อันโบลด์” (France Unbowed - LFI) ฝ่ายซ้ายจัด กับพรรค “เนชันแนล แรลลี” (National Rally-RN) ของ น.ส.มารีน เลอ เปน ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. 2567 หลังจากนายบาร์นิเยร์พยายามใช้อำนาจพิเศษ ผ่านกฎหมายงบประมาณประจำปี โดยข้ามขั้นตอนการลงมติของรัฐสภา
เมื่อวันพุธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ร่วมมือกันสนับสนุนญัตติไม่ไว้วางใจ ด้วยคะแนนเห็นชอบ 331 เสียง จากทั้งหมด 577 เสียง ทำให้นายบาร์นิเยร์ถูกบังคับให้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งนายมาครงยอมรับหนังสือลาออกของเขาแล้วในวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ตาม นายบาร์นิเยร์จะเป็นนายกฯ รักษาการต่อไปก่อน จนว่าจะมีการแต่งตั้งรัฐบาลใหม่
“มาพูดกันตามตรงดีกว่า พวกเขาคิดถึงอยู่เรื่องเดียว คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดี”ประธานาธิบดีฝรั่งเศสแถลงผ่านทางโทรทัศน์ และอ้างว่า วิธีการสร้างความเกลียดชังของพรรคฝ่ายขวา ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศ “พวกเขาดูหมิ่นผู้โหวตของตัวเอง และเลือกความสับสนวุ่นวายเพียงแค่นั้น”
...
“จากวันนี้ คือยุคใหม่” มาครงกล่าวต่อ และเสริมว่า รัฐสภาแห่งชาติต้องทำหน้าที่ตามที่ได้รับเลือกมา นั่นคือการรับใช้ประชาชนฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองไม่เห็นว่ายุคใหม่ดังกล่าวจะดีขึ้นสำหรับนายมาครง เพราะไม่ว่าเขาจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งแบ่งเป็น 3 ฝ่ายคือฝั่งนายมาครงกับกลุ่มฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา และ 2 ฝ่ายหลังต่างประกาศจะต่อต้านนายมาครงทั้งคู่
นายมาครงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีวาระที่ 2 ของเขามาได้ครึ่งทางแล้ว แต่การเลือกตั้งรัฐสภาล่วงหน้าเมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของกลุ่มฝ่ายซ้ายอย่างพลิกความคาดหมาย ทำให้เขาสูญเสียอำนาจทั้งในประเทศและต่างประเทศ
การจะเลือกตั้งก่อนกำหนดอีกรอบก็ทำไม่ได้ เพราะตามกฎหมาย รัฐสภาปัจจุบันต้องอยู่ในตำแหน่งครบ 1 ปี หรือจนกว่าจะถึงเดือนมิถุนายนปีหน้าก่อน จึงจะทำได้
มาครงเลือกนักการเมืองอาวุโสอย่างนายบาร์นิเยร์เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนกันยายนเพื่อเอาใจทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา แต่คราวนี้เขาอาจจะเลือกเอาใจฝ่ายหนึ่ง และไม่สนใจอีกฝ่าย ซึ่งแถลงการณ์ล่าสุดของมาครงชี้ว่า เขาจะไม่ยอมโอนอ่อนให้กับพรรคฝ่ายขวาของ น.ส.มารีน เลอ เปน
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cnn