“ออร์นา ซากิฟ” เอกอัครราชทูตอิสราเอล ยังให้มุมมองต่อกรณีศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ว่า ข้อกล่าวหาที่มีต่ออิสราเอลแสดงให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงอย่างเห็นได้ชัด นั่นคือไอซีซีกล่าวโทษว่าอิสราเอลจงใจทำให้ประชากรในฉนวนกาซาต้องอดอยากด้วย “การปิดล้อมอย่างเบ็ดเสร็จ”
แต่กลับไม่กล่าวถึงอาหาร เวชภัณฑ์ และความช่วยเหลืออื่นๆ กว่าหนึ่งล้านตันที่ส่งเข้าไปยังฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์กลุ่มฮามาสยังคงจับตัวประกันไว้ และโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธ ปล้นสะดมสิ่งของบรรเทาทุกข์ที่ถูกส่งเข้าไปเยียวยา
การตัดสินใจของอัยการที่ขอหมายจับผู้นำอิสราเอล ทำให้เกิดข้อกังวลเพิ่มขึ้นเรื่องความเป็นกลางของศาล หลักฐานถูกส่งไปยัง “คณะผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลาง” แต่การรักษาความลับของหลักฐานและกระบวนการคัดเลือกยังเป็นที่น่าเคลือบแคลง ด้วยเหตุว่า คณะผู้เชี่ยวชาญประกอบด้วยบุคคลที่เคยแสดงอคติต่ออิสราเอล
นอกจากนั้นยังมีสมาชิกอีกหลายคนที่ขาดความเชี่ยวชาญด้านกิจการทหาร หรือกฎหมายแห่งความขัดแย้งว่าด้วยอาวุธ จึงส่งผลให้คณะผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวไม่มีข้อมูลและความสามารถเพียงพอที่จะประเมินการปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในมุมมองทางกฎหมายและยุทธศาสตร์อย่างมืออาชีพได้
จอห์น สเปนเซอร์ หัวหน้าศูนย์ศึกษาสงครามของเวสต์พอยต์ สหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่า “ไม่เคยเห็นกองทัพที่ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อดูแลพลเรือนของศัตรูเช่นนี้มาก่อนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่กำลังต่อสู้กับศัตรูที่อยู่ในอาคารเดียวกัน” ยังยืนยันว่า อิสราเอลมีหลักการที่เลี่ยงมิให้เกิดอันตรายต่อพลเรือน มากกว่ากองทหารใดๆ
ในการประชุมศาลไอซีซีปี 2541 ผู้พิพากษา เอลี นาธาน ของอิสราเอล กังวลว่าศาลอาจกลายเป็น “เพียงอีกเวทีหนึ่งซึ่งเปิดโอกาสให้กลุ่มประเทศที่ไม่มีความรับผิดชอบมาใช้อำนาจทางการเมืองได้ตามอำเภอใจ” เป็นเรื่องน่าเศร้าที่การตัดสินใจล่าสุดของไอซีซี ทำให้ความกังวลของผู้พิพากษาดูใกล้ความเป็นจริงยิ่งขึ้น.
...
ตุ๊ ปากเกร็ด
คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม