กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงการตลาดทุนโลก เมื่อ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” สร้างประวัติศาสตร์ถือเงินสดมากที่สุดทะลุ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากเทขายหุ้นหลายตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้น APPLE และ Bank of America คุณปู่กังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย และเห็นสัญญาณอันตรายอะไรก่อนคนอื่น หรือกำลังวางแผนลับเตรียมกระสุนเพื่อเข้าซื้อกิจการเจ๋งๆ ครั้งใหญ่

จากรายงานผลประกอบการล่าสุดในไตรมาสที่สามของปี 2024 เผยให้เห็นว่า “เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์” มียอดเงินสดสะสมสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 3.252 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2024 เพิ่มขึ้นจาก 2.769 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นของเงินสดครั้งนี้เป็นผลมาจากการเทขายหุ้นครั้งใหญ่อย่างต่อเนื่องของคุณปู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้น APPLE และ Bank of America รวมๆแล้วในไตรมาสที่สามขายหุ้นออกไปมูลค่าสูงถึง 3.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ลองพลิกตำรา “ศาสตร์แห่งบัฟเฟตต์ BUFFETTOLOGY” เขียนโดยอดีตลูกสะใภ้ของคุณปู่ “แมรี บัฟเฟตต์” เพื่อไขความลับในใจคุณปู่ว่า เมื่อไหร่ที่ควรขายหุ้น

คนส่วนใหญ่เชื่อว่าไม่มีใครหมด ตัวจากการขายหุ้นตอนที่ยังมีกำไร แต่ในทัศนะของคุณปู่กลับเห็นว่า ไม่มีใครร่ำรวยอย่างแท้จริงจากวิธีนี้ได้เช่นกัน

ในช่วงแรกของการลงทุน คุณปู่ใช้วิธีการของปรมาจารย์ที่นับถือ “เบนจามิน เกรแฮม” ในการขายหุ้น ซึ่งก็คือจะขายหลักทรัพย์เมื่อราคาขึ้นไปเท่ากับมูลค่าที่แท้จริง เพราะเชื่อว่าหุ้นที่ราคาสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงแล้วแทบจะไม่มีโอกาสทำกำไรเพิ่มให้นักลงทุน จึงเป็นการดีกว่าถ้าจะสวิตช์ไปซื้อหุ้นตัวอื่นที่ราคายังต่ำกว่ามูลค่าแท้จริง แต่ปัญหาก็คือ ราคาหุ้นอาจไม่สามารถปรับตัวสูงขึ้นเท่ากับมูลค่าที่แท้จริง เพราะตลาดไม่ยอมรับรู้มูลค่าแท้จริงของหุ้นไปด้วย ตามหลักการของเกรแฮม ให้เวลาแค่ 2-3 ปี ถ้าหุ้นไม่สามารถวิ่งขึ้นจนราคาเท่ามูลค่าที่แท้จริง ก็ควรตัดสินใจขายทิ้ง และมองหาโอกาสใหม่ๆดีกว่า

...

เมื่อพัฒนาฝีมือจนเยี่ยมยุทธ คุณปู่วอร์เรนคิดค้นวิธีการขายหุ้นในแบบฉบับของตัวเอง โดยออกจากกรอบของเกรแฮม และหยุดการตัดสินใจลงทุนโดยใช้ราคาเป็นตัวตัดสินเท่านั้น ยุคใหม่ของคุณปู่ที่ผนึกกำลังกับเพื่อนซี้ “ชาร์ลี มังเกอร์” จึงพุ่งเป้าไปที่การซื้อหุ้นของธุรกิจชั้นเลิศที่กำลังเติบโต ภายใต้การกุมบังเหียนของผู้บริหารที่ทุ่มเท คุณปู่เปลี่ยนมาลงทุนโดยยึดศักยภาพทางธุรกิจ และเปิดเรดาร์มองหาแต่ธุรกิจชั้นเลิศที่ให้อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นสูง นอกจากนี้ยังต้องมีสินค้าผูกขาดชัดเจน และมีผู้บริหารที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก เมื่อไหร่ที่ซื้อแล้ว คุณปู่จะถือหุ้นตัวนั้นไปเนิ่นนานหลายปี ตราบเท่าที่ศักยภาพทางธุรกิจยังไม่เปลี่ยนแปลงไปในทางเลวร้ายรุนแรง

คุณปู่อยากให้ผลตอบแทนทบต้นเกิดขึ้นเรื่อยๆตราบนานเท่านานที่สุด แม้ว่าจริงๆ แล้วจะสามารถขายหุ้นเพื่อทำกำไรในระยะสั้น แต่ผลกำไรในแบบที่คุณปู่ต้องการคือ ผลกำไรแบบที่สามารถทำให้คุณกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดในโลก ซึ่งการจะร่ำรวยแบบนั้นได้จะต้องทำให้เงินลงทุนของคุณได้รับผลตอบแทนแบบทบต้นในอัตราที่สูงตลอดช่วงเวลาอันยาวนาน ตราบใดที่ยังมั่นใจในศักยภาพของธุรกิจ คุณปู่จะไม่แตกตื่นกับเสียงนกเสียงกาเรื่องภาวะตลาดหมีและตลาดกระทิง เว้นเสียแต่มองว่าตลาดหมีเป็นโอกาสทองในการซื้อหุ้นชั้นเลิศเข้าพอร์ตเพิ่ม

ประเภทวิ่งตัดหน้ารถสิบล้อเพื่อเก็บเหรียญบาท เป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟทุกวัน และพยายามซื้อหุ้นที่ราคาต่ำสุดเพื่อไปขายที่ราคาสูงสุด ลงทุนยังไงก็ไม่มีวันรวย เพราะคุณทนรวยไม่เป็น!!

มิสแซฟไฟร์

คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม