วิ่งโว้ย หนีโว้ย ปิดสถานทูตด่วนโว้ย ไปเตือนพวกแม็คโดนัลด์ให้หนีออกไปด้วย เสียงโกลาหลอลหม่านของพวกอเมริกัน อังกฤษ และพันธมิตรนาโตทั้งหลายต่างโทรศัพท์หากันลั่นโลก ในขณะที่กำลังเก็บกระเป๋ากันอย่างวุ่นวายขายปลาช่อนในกรุงคีฟ เมืองหลวงของอูเครน
สหรัฐฯ อังกฤษ และพันธมิตรไม่คิดว่ารัสเซียจะมีโอเรชนิกซึ่งเป็นไฮเปอร์โซนิคล้ำสมัยในโลกที่รัสเซียกำลังพัฒนา แต่ก่อนง่อนชะไรคิดขึ้นมาแล้วก็ไม่รู้จะไปใช้ทดสอบที่ไหน วันดีคืนดีผู้เฒ่าชะแรแก่ชราที่ชื่อไบเดนปรึกษาหารือกับอังกฤษและพันธมิตรทั้งหลาย โดยบอกว่า อา ข้าพเจ้ามีเวลาอีกเพียง 2 เดือนที่ยังพอจะช่วยเซเลนสกีตีรัสเซียให้ม่อยกระรอก
จากนั้นก็อนุมัติให้เซเลนสกีใช้อาวุธเล่นงานรัสเซีย รัสเซียจึงได้โอกาสทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคที่มีความเร็วที่สุดในโลก โดยมีความเร็วสูงสุดกว่า 11 มัค หรือเร็วกว่า 1.35 หมื่นกิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 3.74 กิโลเมตรต่อวินาที การโจมตีเมืองดนิโปรเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคของรัสเซียใช้เวลาเดินทางจากจุดปล่อยในภูมิภาคอัสตราคานจนถึงเป้าหมายเพียง 15 นาทีเท่านั้น
โอเรชนิกทำให้สหรัฐฯและนาโตตระหนักว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่รัสเซียเพียงแต่แค่โม้ เพราะเห็นกับตาแล้วว่า โอเรชนิกมีความเร็วสูงมากทำให้การสกัดกั้นเป็นเรื่องยาก แถมยังมีพิสัยการยิงได้ไกลถึง 3,000-5,500 กิโลเมตร ทำลายล้างได้ครอบคลุมพื้นที่ได้อย่างกว้างขวาง เท่านั้นยังไม่พอ ยังสามารถบรรทุกหัวรบได้หลายลูกเพื่อโจมตีเป้าหมายหลายจุดได้พร้อมกัน และมีความแม่นยำสูง
เดิมสหรัฐฯและพวกอาจจะเคยดูถูกอาวุธรัสเซียว่าคงไม่ต่างจากอาวุธสมัยสหภาพโซเวียต แปลงมาจากอาวุธรุ่นเก่า แต่โอเรชนิกไม่ใช่ เป็นอาวุธที่พัฒนาขึ้นใหม่ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง พวกตะวันตกกังวลว่า แม้ว่ายังจะไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างเป็นทางการว่าโอเรชนิกมีศักยภาพในการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ แต่ก็มีความเป็นไปได้ในอนาคต ว่าโอเรชนิกอาจถูกดัดแปลงให้ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ ซึ่งจะเพิ่มอานุภาพในการทำลายล้างอย่างมหาศาล การประเมินศักยภาพอาวุธรัสเซียต่ำเกินไปอาจทำให้ยุโรปหายได้ทั้งยวง
...
หลังจากส่งโอเรชนิก ขีปนาวุธพิสัยไกลความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ออกสู่สายตาชาวโลกแล้ว ปูตินออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์รัสเซียว่า ไม่มีอะไรสามารถขัดขวางหรือสกัดกั้นโอเรชนิกซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 10 เท่าของความเร็วเสียงได้ มิหนำซ้ำยังย้ำว่า แกยังมีโอเรชนิกเหลือเฟือ แถมยังสั่งให้ผลิตโอเรชนิก
อย่างต่อเนื่อง และจะเดินหน้าทดสอบเพิ่มเติมในการสู้รบอีกด้วย รัสเซียเป็นชาติเดียวในโลกที่มีอาวุธรุ่นนี้
เมื่อได้ยินอย่างนี้ใครจะนั่งนิ่งอยู่เฉยๆละครับ เมื่ออูเครนชักศึกเข้าภูมิภาคแล้ว สหรัฐฯกับนาโตตอนนี้ก็ต้องเร่งพัฒนาระบบป้องกันภัยทางอากาศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้รับมือกับการโจมตีของรัสเซียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ทันทีที่สหรัฐฯถอนจากสนธิสัญญากำลังนิวเคลียร์พิสัยกลางเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2019 รัสเซียก็ถอนตัวออกจากสนธิสัญญานี้ถัดมาหลังจากนั้น 1 วัน ทำให้สงครามระหว่างรัสเซีย-อูเครน ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากต่างฝ่ายต่างเปิดหน้าชก ไม่มีใครเกรงใจใคร เพราะทุกฝ่ายล้วนมีอาวุธหนักในมือ การสงครามรัสเซีย-อูเครนคือสนามทดสอบขีปนาวุธล้ำสมัยของทั้ง 2 ฝ่าย เมื่องัดอาวุธหนักออกมาโชว์กันแล้ว ก็ยิ่งต้องเร่งพัฒนาให้ตอบโต้ได้อย่างไม่เสียหน้า
ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ 20 มกราคม 2025 ผมเชื่อว่าจะมีการโจมตีกันอีกหลายระลอก สหรัฐฯและนาโตประกาศให้คนของตนอพยพออกจากอูเครนอย่างเร่งด่วน การรบของรัสเซียในวันนี้ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้รบกับอูเครน แต่เป็นการรบกับสหรัฐฯและประเทศนาโต หากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจาสันติภาพ ทั้งรัสเซียและอูเครนบอบช้ำไม่ต่างกัน
ท่ามกลางน้ำตาและเสียงร้องโอดโอยโหยหวน ยังมีเสียงหัวเราะของบริษัทค้าอาวุธคนพวกหนึ่งแพลมออกมาเป็นระยะ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com
คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม