ไบเดนจะหมดวาระประธานาธิบดีสหรัฐฯ 20 มกราคม 2025 หลังจากนั้นทั้งไบเดนและพวกเด็มโมแครตก็จะตกกระป๋องจากการมีอำนาจบริหารในสหรัฐฯ ไบเดนจึงรีบวางระเบิดเวลาเพื่อสร้างความยุ่งยากให้รัสเซีย ด้วยการอนุมัติให้อูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล หรือ Army Tactical Missile System โจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ขีปนาวุธนี้สามารถยิงได้จากระบบยิงจรวดด้วยปืนใหญ่เคลื่อนที่คล่องตัวสูงหรือ HIMARS ที่มีพิสัยทำการ 305 กิโลเมตร
อูเครนใช้ขีปนาวุธโจมตีคลังแสงรัสเซียที่อยู่ห่างจากชายแดน 110 กิโลเมตร นอกจากนั้นยังใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล Storm Shadow ของอังกฤษ ยิงเข้าใส่รัสเซียหลายจุดในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย
ทันทีที่ทราบว่าสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรอนุญาตให้อูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีเป้าหมายในรัสเซียได้ รัสเซียก็ประกาศปรับปรุงหลักการการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง ให้สามารถยิงอาวุธนิวเคลียร์โจมตีประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ได้ และสามารถยิงนิวเคลียร์ ใส่ประเทศที่สนับสนุนให้อูเครนโจมตีรัสเซีย
21 พฤศจิกายน 2024 เป็นครั้งแรกที่รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีป ICBM โจมตีเมืองดนิโปรของอูเครน ปูตินออกมาแถลงการณ์หลังจากใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคถล่มอูเครนแล้ว มีข้อความโดยสรุปว่า เรา (รัสเซีย) ใช้ขีปนาวุธตอบโต้การกระทำของนาโตที่มีต่อเรา การตัดสินใจของเราเป็นผลจากการกระทำของสหรัฐฯและฝ่ายพันธมิตร
“เรามีสิทธิที่จะโจมตีเป้าหมายทางทหารของประเทศที่อนุญาตให้ใช้อาวุธมาโจมตีเรา” นั่นหมายความว่า เป้าหมายทางทหารที่อยู่ในเมืองของสหรัฐฯและอังกฤษอาจจะมลายหายกลายเป็นเถ้าถ่านจากการล็อกเป้าโจมตีโดยขีปนาวุธรัสเซีย
“หากยกระดับการกระทำที่ก้าวร้าว เราจะตอบโต้อย่างเด็ดขาด” “ข้าพเจ้าขอแนะนำผู้บริหารประเทศที่จะใช้กำลังทหารของตนกับรัสเซียพิจารณาการกระทำของท่านเสียใหม่” ปูตินเป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก พูดแล้วทำจริง ประโยคเหล่านี้จึงทำให้สหรัฐฯและประเทศลูกกระจ๊อกขนแขนสแตนด์อัปพอสมควร นี่หมายถึงโลกกำลังจะเข้าสู่สงครามใหญ่
...
“ขีปนาวุธของเราสามารถโจมตีเป้าหมายด้วยความเร็ว 10 มัค หรือ 2.5-3 กิโลเมตรต่อวินาที” โอ ผู้อ่านท่านเอ๋ย 1 มัค= ความเร็วเสียง หรือ 1,235 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส ที่ปูตินบอกว่าขีปนาวุธของตนมีความเร็วถึง 10 มัค นั่นหมายความว่า ถ้าไบเดนเดินสะดุดก้อนหิน ยังไม่ทันล้ม ขีปนาวุธรัสเซียก็ถึงตัวไบเดนแล้ว
“ระบบป้องกันทางอากาศและระบบป้องกันขีปนาวุธที่สหรัฐฯกำลังพัฒนาในยุโรปไม่มีความสามารถที่จะสกัดขีปนาวุธของเราได้เลย” เรื่องนี้ปูตินไม่ได้โม้ครับ เพราะการทดสอบหลายครั้งที่ผ่านมา ซึ่งรัสเซียนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนคนบนโลกก็เป็นเรื่องที่ทุกคนยอมรับและเชื่อถือกันอยู่แล้ว
“ไม่ใช่รัสเซีย แต่เป็นสหรัฐฯที่ทำลายระบบความมั่นคงระหว่างประเทศเพื่อรักษาความเป็นเจ้าโลกของตน” อันนี้ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ว่าสหรัฐฯใช้อูเครนเป็นผู้เล่นในสงครามตัวแทนที่จะเล่นงานรัสเซีย
รัสเซียโจมตีอูเครนก็เป็นเรื่องความตายของคนอูเครน ไม่ใช่ความตายของทหารอเมริกัน บ้านเรือนอูเครนพังเสียหายก็ไม่ใช่ความยับเยินของสหรัฐฯ แต่ความงี่เง่าเต่าตุ่นของคนอูเครนเองที่เอานักแสดงตลกไร้ประสบการณ์ทางการเมืองสากลมาเป็นผู้นำประเทศ ไม่เกี่ยวอะไรกับสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้โลกมีความมั่นคงระหว่างประเทศ สหรัฐฯใช้เซเลนสกีสร้างความขัดแย้งกับรัสเซียเพื่อทำลายความมั่นคงระหว่างประเทศ อันนี้ก็เป็นประโยชน์ของสหรัฐฯเพราะสหรัฐฯต้องการจะรักษาความเป็นเจ้าโลกของตน
“เรา (รัสเซีย) ให้ความสำคัญกับการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธี” ปูตินสื่อประโยคนี้เพื่อจะบอกว่า ตนเองพร้อมที่จะเจรจามาหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ “แต่เราก็พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์” ประโยคนี้หมายความว่า ถ้าการเจรจาด้วยสันติวิธีเกิดขึ้นไม่ได้ สหรัฐฯและพันธมิตรต้องการการสู้รบที่เป็นวงกว้าง รัสเซียก็พร้อม
“เรา (รัสเซีย) จะตอบโต้อย่างแน่นอน และตลอดไป” ประโยคนี้คือคำยืนยันของปูตินในฐานะผู้นำรัสเซียที่จะตอบโต้สงครามที่สหรัฐฯและพวกใช้ให้เซเลนสกีสร้างขึ้น.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com
คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม