คนใกล้ชิดและทีมงานของโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาโจมตี โจ ไบเดน ที่อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซียได้ ชี้บ่อนทำลายแผนสันติภาพ

ข่าวที่ว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ อนุญาตให้ยูเครนใช้ “ระบบขีปนาวุธยุทธวิธีกองทัพ MGM-140” หรือ “ATACMS” โจมตีภายในดินแดนของรัสเซียได้แล้วนั้น สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้แก่ทีมงานและคนใกล้ชิดของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุด และกำลังจะรับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคมปีหน้า

ตัวนายทรัมป์เองยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาให้คำมั่นเอาไว้ระหว่างหาเสียงว่า จะยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งสหรัฐฯ ทุ่มเททรัพยากรมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยยูเครน และนำเงินภาษีมาใช้เพื่อพัฒนาชีวิตของชาวอเมริกันแทน

นายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายของนายทรัมป์ เป็นหนึ่งในสมาชิกรีพับลิกันที่ออกมาแสดงความไม่พอใจ โดยระบุว่า “ดูเหมือนว่ากลุ่มอุตสาหกรรมการทหาร จะต้องการทำให้แน่ใจว่า พวกเขาจะทำให้สงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดขึ้นก่อนที่พ่อของผมจะมีโอกาสสร้างสันติภาพและช่วยชีวิต”

ขณะที่ น.ส.มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน สมาชิกสภาคองเกรส และผู้สนับสนุนนายทรัมป์ตัวยง ก็ออกมาประณามไบเดนเช่นกัน ว่า “ชาวอเมริกันได้สั่งการเมื่อ 5 พ.ย. ว่าไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจล่าสุดของอเมริกา และไม่ต้องการให้เงินหรือต่อสู้กับสงครามในต่างประเทศ เราต้องการแก้ไขปัญหาของเราเอง”

ส่วนนาย เฟรด ฟลีตซ์ อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในรัฐบาลชุดก่อนของนายทรัมป์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีไบเดนกำลังบ่อนทำลายแผนการของนายทรัมป์ ที่จะหยุดสงครามนี้ ด้วยการอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีดินแดนรัสเซีย

...

“เรารู้ดีว่านายทรัมป์ต้องการการหยุดยิงและเจรจาสันติภาพอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องนี้จะทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น และสร้างความไม่พอใจให้รัสเซีย” นายฟลีตซ์บอกกับสถานีวิทยุของ บีบีซี “ผมสามารถสรุปได้เพียงว่า ไบเดนกำลังพยายามบ่อนทำลายความพยายามสร้างสันติของนายทรัมป์ เพราะเขาไม่ต้องการการเจรจาสันติภาพที่ทรัมป์เป็นผู้ผลักดัน”

นายเจมส์ กิลมอร์ ซึ่งเคยเป็นทูตองค์กรเพื่อความร่วมมือและความมั่นคงในยุโรป ของนายทรัมป์ ระบุว่า ปัญหาใหญ่ในการตัดสินใจล่าสุดของไบเดนคือ มันเกิดขึ้นช้าเกินไปมาก และบอกด้วยว่า เขาไม่รู้ว่านายทรัมป์จะตัดสินใจเรื่องยูเครนอย่างไร หลังจากเขารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. 2568

อย่างไรก็ตาม นาย แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ถูกนักข่าวถามว่า เป็นเรื่องปกติแค่ไหนที่ประธานาธิบดีซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งเหลือเพียงไม่กี่เดือน จะมีการตัดสินใจด้านนโยบายที่สำคัญขนาดนี้ ซึ่งนายมิลเลอร์ตอบว่า “ไบเดนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง 4 ปี ไม่ใช่ 3 ปีกับอีก 10 เดือน”

“เราจะใช้เวลาทุกวันในวาระของเรา เพื่อไล่ตามนโยบายที่เราเชื่อว่า เป็นประโยชน์ต่อชาวอเมริกัน” นายแมทธิวกล่าว และเสริมว่า “หากรัฐบาลชุดถัดไปมีนโยบายที่แตกต่างออกไป แน่นอนว่าพวกเขาก็มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลง”

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc