เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี ของความร่วมมือเพื่อการพัฒนา (Official Development Assistance) หรือ ODA จากประเทศญี่ปุ่นถึงไทย องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency) หรือ JICA หน่วยงานชื่อคุ้นหูชาวไทยมายาวนานของรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดงานเสวนาสำหรับวาระพิเศษนี้ ที่โรงแรมเวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท เมื่อหลายวันก่อน

ภายในงานมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยและญี่ปุ่นเข้าร่วมพูดคุย เพื่อทบทวนและประเมินความสำเร็จจากโครงการในอดีตที่ผ่านมารวมทั้งหารือถึงทิศทางและยุทธศาสตร์ความร่วมมือในอนาคต ภายใต้แนวคิด “Creating Tomorrow Together” หรือ “สรรค์สร้างวันพรุ่งนี้ด้วยกัน” อย่างคับคั่ง

ทั้งนี้ เส้นทางแห่งมิตรภาพของความร่วมมือเพื่อการพัฒนาหรือ ODA ของญี่ปุ่น เริ่มขึ้นในปี 2497 เมื่อญี่ปุ่นเข้าร่วม “แผนโคลัมโบ” กรอบความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และต่อด้วยชาวไทย 21 คน ก็ได้เดินทางไปฝึกอบรมที่ญี่ปุ่น เรื่องราวที่เหลือก็เป็นอย่างที่เรารู้กัน

งานนี้ นายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราช ทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กล่าวสุนทรพจน์มีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยเป็นชาติที่มีที่พิเศษอยู่ในใจชาวญี่ปุ่นเสมอ ตลอดเวลา 70 ปี ที่ผ่านมาญี่ปุ่นให้ความช่วยเหลือ ODA แก่ประเทศไทยรายใหญ่สุดความช่วยเหลือที่มีต่อกันไม่ได้จำกัดเพียงเฉพาะการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เพื่อการพัฒนา อาทิ สนามบินสุวรรณภูมิ หรือสนามบินดอนเมือง ตลอดจนรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีแดง สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หรือท่าเรือแหลมฉบัง รวมถึงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

...

ทูตโอตากะยังเล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวในอดีตที่เคยพบเจอชาวบ้านในเมืองไทยที่เดือดร้อนอย่างสาหัสจากเหตุอุทกภัยที่เดินมาหาและกล่าวขอบคุณทั้งน้ำตาสำหรับความช่วยเหลือจาก JICA และรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งคิดว่านี่แหละคือสิ่งสำคัญที่เราต้องพยายามช่วยเหลือและสนับสนุนในจุดที่ต้องการอย่างแท้จริง ขณะที่ยังเน้นย้ำด้วยว่าความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ชาติ ไม่ได้มีแต่การก่อสร้างโครงการ แต่ยังครอบคลุมถึง การเสริมสร้างความสามารถของคน โดยเฉพาะทางด้านวิศวกรรม และหวังว่าจะเป็นผลผลิตที่งดงามเชื่อมสัมพันธ์ของไทยและญี่ปุ่นให้ยืนยาว.

อมรดา พงศ์อุทัย

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม