ในที่สุด ผลการเลือกตั้งในอเมริกา อย่างเป็นทางการ พรรครีพับลิกัน ครองเสียงส่วนใหญ่ทั้งสภาบน สภาล่าง โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯในสมัยที่ 2 อย่างเท่ๆ ในแง่ของเศรษฐกิจที่มีทั้งบวกและลบ แต่ด้านจิตวิทยาที่ ทรัมป์ สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนอเมริกันว่า จะนำสหรัฐฯเข้าสู่ยุคทอง ทำให้เป็นประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในสายตาชาวโลก ในขณะที่ทั้งเงินเฟ้อ และการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดร้อยละ 0.25 ยังไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นไปตามเป้าหมายทั้งอัตราเงินเฟ้อและการขาดดุลการค้า ที่ทำให้สหรัฐฯต้องมาทบทวนการขาดดุลทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งถ้าจะพูดแบบตรงไปตรงมา สหรัฐฯ ต้องปรับกลยุทธ์ด้านเศรษฐกิจให้ได้เปรียบดุลการค้ามากที่สุดและขาดดุลการค้าน้อยที่สุด
ด้านความมั่นคง ทรัมป์ไม่ได้ให้ความสำคัญว่าจะเป็น ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ แต่ทำอย่างไรจะให้อเมริกาได้ประโยชน์แค่นั้น จุดนี้ทั่วโลกวิตกกังวลในการคานอำนาจระหว่างขั้วมหาอำนาจ นั่นไม่ได้แปลว่าทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนร้อยละ 60 แล้วจะเป็นศัตรูกับจีน การเมืองโลกจะไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรอีกต่อไป
เพราะฉะนั้นที่บ้านเราตั้งความหวังว่า จะผูกมิตรทั้งสหรัฐฯและจีน จะได้ประโยชน์จากการค้าการลงทุนมากขึ้น เป็นความคิดโบราณมาก เราควรจะคิดสร้างขีดความสามารถในการต่อรองและฟื้นเศรษฐกิจจากภายในสู่ภายนอกมากกว่า แน่นอนว่า สหรัฐฯต้องเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศแม้แต่เราก็ไม่มียกเว้น อย่างน้อยก็ร้อยละ 10 ซึ่งจะทำให้มูลค่าของสินค้าลดลงหรือต้นทุนเพิ่มขึ้น เรามีมูลค่าการค้ากับสหรัฐฯในสัดส่วนประมาณ 10% ของจีดีพี เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี เท่ากับว่าเรารู้คำตอบอยู่ในใจแล้วว่า เราไม่สามารถเพิ่มรายได้จากการส่งออกตามเป้าที่จะทำให้จีดีพีโตร้อยละ 3 แน่นอน
...
มีการอ้างการให้สัมภาษณ์ เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ ถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯว่า ไม่ว่าสงครามการค้า หรือ สงครามภาษี ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะไม่มีใครเป็นผู้ชนะ ความแตกต่างระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ควรเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเรียนรู้ร่วมกัน มากกว่าจะ ปฏิเสธและเผชิญหน้า เพราะความสำเร็จสองฝ่าย ต่างก็เป็นโอกาสของกันและกัน เป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
ถ้าวิเคราะห์ให้ดี กำแพงภาษีที่สหรัฐฯและจีนตั้งขึ้นมาเท่ากับเป็นการกดดันประเทศผู้ผลิตและประเทศคู่ค้าของทั้งสองประเทศให้อยู่ในกำมือ ยกตัวอย่างรถยนต์ไฟฟ้า หรือโทรศัพท์มือถือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ หรือตลาดอีคอมเมิร์ซ ที่เป็นข้ออ้างในการตั้งกำแพงภาษีระหว่างสหรัฐฯกับจีนทำให้เศรษฐกิจปั่นป่วนไปทั่วโลก
ค่ายรถยี่ห้อดังถึงขนาดลดการผลิต ปิดโรงงาน สุดท้ายแล้วใครได้ใครเสีย.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th
คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม