ทางการเปรูยกระดับการรักษาความปลอดภัยในกรุงลิมา รับผู้นำโลกเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ขณะที่ชาวเปรูหลายร้อยคนออกมาประท้วงบนท้องถนนในกรุงลิมา เพื่อต่อต้านรัฐบาลและความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มมากขึ้น

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ทางการเปรูสั่งเพิ่มการรักษาความปลอดภัยทั่วกรุงลิมา ในขณะที่ผู้นำโลกกำลังทยอยเดินทางไปถึงเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 โดยก่อนหน้านี้ทางการเปรูสั่งให้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ ปิดการเรียนการสอนชั่วคราว ตลอดจนให้พนักงานภาครัฐทำงานจากที่บ้าน

นอกจากนี้ ตำรวจและทหารมากกว่า 15,000 นายได้ถูกส่งไปประจำการทั่วเมืองลิมา ท่ามกลางภัยคุกคามของการประท้วง โดยมีชาวเปรูหลายร้อยคนออกมาประท้วงบนท้องถนนใจกลางกรุงลิมา เพื่อต่อต้านรัฐบาลและความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนับเป็นการประท้วงบนท้องถนนและการหยุดงานของสหภาพแรงงานครั้งล่าสุด เนื่องจากเกิดการโจมตีรุนแรงและการปล้นทรัพย์ ซึ่งทำให้เมืองหลวงของเปรูหยุดชะงักในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

...

ขณะที่บรรดาผู้นำหลายประเทศทยอยเดินทางไปเปรู เช่นเดียวกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยและคณะ ที่จะเข้าร่วมการประชุมเอเปค ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 18 พฤศจิกายน 2567 ภายใต้หัวข้อหลัก Empower, Include, Grow. เน้นเชื่อมโยงการค้าการลงทุน การเติบโตที่ยั่งยืน ยืดหยุ่น และครอบคลุมคนทุกกลุ่ม

ทางด้านโฆษกทำเนียบขาว สหรัฐฯ แถลงว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง จะพบหารือกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 พ.ย. นี้ ซึ่งเป็นการพบปะนอกรอบของที่ประชุมเอเปค โดยคาดว่าสองผู้นำจะหารือกันในหลายประเด็นตั้งแต่ความร่วมมือทางการทหาร การค้าการลงทุน และความร่วมมือด้านเอไอ หรือปัญญาประดิษฐ์ นอกจากนี้คาดว่าผู้นำสหรัฐฯ จะหยิบยกประเด็นที่มีความกังวลขึ้นมาหารือกับผู้นำจีนด้วย อาทิ ความช่วยเหลือที่จีนให้กับรัสเซียเพื่อทำสงคราม ตลอดจนนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน ซึ่งส่งผลเสียต่อแรงงานชาวอเมริกัน ตลอดจนการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีต้นทางมาจากจีนและมีเป้าหมายไปที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือนของสหรัฐฯ

ขณะเดียวกันคาดว่าผู้นำสหรัฐฯ จะหารือเกี่ยวกับประเด็นไต้หวันและข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ระหว่างการประชุมนอกรอบในครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ เอเปค คือกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจของ 21 เขตเศรษฐกิจ ซึ่งมีประชากรรวมกันเป็น 44% ของประชากรโลก มีขนาดเศรษฐกิจเป็นสัดส่วนร้อยละ 58 ของจีดีพีโลก หรือ 44% ของการค้าโลก.