โดนัลด์ ทรัมป์ เลือก พีท เฮกเซธ อดีตทหารและพิธีกรสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ แม้ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เลือกนาย พีท เฮกเซธ วัย 44 ปี ทหารผ่านศึกอัฟกานิสถานและอิรัก, นักเขียน และพิธีกรของสำนักข่าว ฟ็อกซ์นิวส์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลใหม่ของเขา ได้คุมกองทัพที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองก่อน

นายทรัมป์ประกาศชื่อของนายเฮกเซธเมื่อวันอังคารที่ 12 พ.ย. 2567 (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยระบุว่าเขาเป็นคนแกร่ง ฉลาด และเป็นผู้ชื่อในหลักการอเมริกาต้องมาก่อนอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ คณะบริหารชุดใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเขาคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยนอกจากนายเฮกเซธที่ได้คุมกลาโหม นายทรัมป์ยังเลือกนาย จอห์น แรตคลิฟฟ์ เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง หรือ ซีไอเอ ด้วย

หากได้รับการยืนยันตำแหน่งจากวุฒิสภา นายเฮกเซธจะมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องปัญหาต่างๆ เช่น การส่งความช่วยเหลือทางทหารให้แก่อิสราเอล ซึ่งกำลังทำสงครามในฉนวนกาซากับเลบานอน และเรื่องการสนับสนุนยูเครน ที่กำลังรับมือการรุกรานจากรัสเซีย

ในวันเดียวกันนี้ นายทรัมป์ยังยืนยันว่า เขาต้องการให้ คริสตี โนม ผู้ว่าการรัฐเซาท์ดาโกตา รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ และเลือก ไมเคิล วอลทซ์ เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ คอยแนะนำนายทรัมป์ในเรื่องภัยคุกคามจากต่างประเทศ

ส่วนนายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทเทสลา และสเปซเอ็กซ์ ซึ่งช่วยนายทรัมป์หาเสียงอย่างหนักและทุ่มเม็ดเงินไปจำนวนมหาศาล ได้รับเลือกให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ คอยดูแลเรื่องการใช้จ่ายของรัฐบาล

...

ขณะเดียวกัน คาดกันว่า นาย มาร์โก รูบิโอ สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งมีท่าทีแข็งกร้าวต่อจีนเหมือนกับนายวอลทซ์ จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ แต่ยังไม่มีการยืนยัน

ทั้งนี้ การแต่งตั้งตำแหน่งในรัฐบาลบางตำแหน่ง เช่นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของนายเฮกเซธ จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภา แต่นายทรัมป์เรียกร้องให้ประธานวุฒิสภาคนต่อไปยอมให้เขาข้ามกระบวนการนี้

วุฒิสภา ซึ่งกลับมาอยู่ในมือของฝ่ายรีพับลิกันอีกครั้ง จะเลือกประธานคนใหม่ในวันพุธที่ 13 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น วันเดียวกับที่นายทรัมป์ จะไปเยือนทำเนียบขาวตามคำเชิญของ โจ ไบเดน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เพื่อการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติ

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc