"โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งรีพับลิกัน ประกาศชัยชนะการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 47 เป็นสมัยที่ 2 ของเขา

แม้คะแนนจะสูสีมาตลอดแต่สุดท้ายเขาก็คว้าชัยเหนือ “คามาลา แฮร์ริส” แห่งเดโมแครต ซึ่งเป็นสุภาพสตรี รองประธานาธิบดีสมัย “โจ ไบเดน”

เป็นอันว่าผู้หญิงยังไม่สามารถเป็นผู้นำประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกใบนี้ได้

แรกๆก็ทำท่าจะดีเพราะมีคะแนนนิยมเหนือมาตลอดแต่พอมาถึงการประกาศนโยบายกลับเรียกความนิยมไม่ได้

อีกทั้ง “แฮร์ริส” นั้นแม้มีภาพลักษณ์ที่ดี มีการศึกษาสูง แนวคิดทางการเมืองก็ก้าวหน้าชูประชาธิปไตยที่โดดเด่น

แต่ดูเหมือนเธอจะไม่มี “เสน่ห์” ที่ทำให้ผู้คนหลงใหลได้

ต่างกับ “ทรัมป์” ที่ชวนให้หลงใหลมากกว่า

อีกทั้งระหว่างหาเสียงเขาถูกลอบสังหารถึง 2 ครั้ง แต่ก็

รอดมาได้ นั่นคงทำให้ได้รับความสงสารจากชาวอเมริกัน

แต่ประเด็นที่ทำให้เขาชนะคือ “ปากท้อง” นี่แหละครับ...

ไม่ว่าชนชาติไหนต่างก็จะนึกถึงเรื่องนี้เป็นหลักเพราะ

ทุกคนต้องกินต้องใช้ หากเศรษฐกิจดีทุกอย่างก็ดีตามไปด้วย

“อิ่มท้อง” ดีกว่ากิน “อุดมการณ์” นี่เป็นสัจธรรมของโลก

ในสหรัฐฯนั้นมีประชากรเป็น “ผู้หญิง” มากกว่า “ผู้ชาย” แฮร์ริสจึงออกนโยบายเพื่อให้มีสิทธิเสรีภาพมากขึ้นโดยประกาศว่าทำแท้งไม่ผิดกฎหมาย

ไม่กีดกันผู้อพยพสามารถอาศัยในสหรัฐฯได้

ที่สำคัญคือการเชิดชูประชาธิปไตยและมุ่งหวังจะได้รับการสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่ที่จะลงคะแนนให้

เปรียบไปก็ไม่ต่างไปจาก “ก้าวไกล” ของประเทศไทย!

แต่ “ทรัมป์” มาอีกแบบหนึ่ง เขาประกาศอเมริกันมาก่อนและมุ่งเน้นที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น จะต้องปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่

...

ลดภาษีให้ประชาชนทั้งประเทศ

ตั้งกำแพงภาษีสินค้าทุกชนิดไม่ว่าจะมาจากประเทศไหน โดยเฉพาะจีนจะมีมาตรการพิเศษเพราะเป็นคู่แข่งสำคัญ

แค่นี้ก็กินใจอเมริกันชนแล้ว...

ด้านต่างประเทศก็จะทำให้สงครามในตะวันออกยุติเพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามกลายเป็นสงครามโลก

ปัญหายูเครนก็ชัดเจนสหรัฐฯจะไม่สนับสนุนเงินทองและอาวุธให้อย่างปัจจุบัน รวมถึงให้สมาชิกนาโตควักเงินสนับสนุนเอง

แต่โดยสรุปแล้วการที่เน้นเรื่องเศรษฐกิจปากท้องน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ชัยชนะ เพราะยุคสมัยของ “โจ ไบเดน” นั้นเศรษฐกิจของอเมริกาไม่ดีและยังเจอโควิดเข้าไปอีกยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

ดังนั้นแม้ว่าปูมประวัติของเขาจะเป็นคนก้าวร้าว มีคดีติดตัวและมีแนวคิดค่อนไปทางเผด็จการ แต่คนอเมริกันยอมยกให้ไม่ถือสา

พูดง่ายๆลืมไปเลย...

จนมีการเปรียบเทียบกับอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย “ทักษิณ ชินวัตร” แม้จะมีปัญหาหลายเรื่องถูกกล่าวหา “โกงกิน”

แต่คนไทยคนส่วนใหญ่จำได้ว่าสมัยที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรีเขาทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นและจำฝังใจมาถึงวันนี้

ทำให้ “เพื่อไทย” เป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยม

นี่น่าจะเป็นความจริงด้านหนึ่งที่พรรคประชาชนต้องคิดเหมือนกัน!

"สายล่อฟ้า"

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม