และแล้ว การต่อสู้เพื่อชิงการควบคุมทำเนียบขาวและสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ก็มาถึงวันดี-เดย์ ชาวอเมริกันเดินทางออกไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งใหญ่ ที่จะจัดขึ้นทุกครั้งในรอบ 4 ปี ในวันที่ 5 พ.ย. 2567 ถึงแม้ว่าอาจต้องใช้เวลาหลายวันหรือสัปดาห์กว่าจะรู้ผลลัพธ์
รองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส กับอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อคว้าชัยใน 7 รัฐสวิงสเตท ซึ่งได้แก่ มิชิแกน, เพนซิลเวเนีย กับวิสคอนซิน ที่ทรัมป์ตีกำแพงสีน้ำเงินจนแตกไปในการเลือกตั้งปี 2559 ก่อนที่ โจ ไบเดนจะชนะกลับมาได้ในการเลือกตั้งครั้งก่อน และอีก 4 รัฐคือ แอริโซนา, จอร์เจีย, เนวาดา และนอร์ทแคโรไลนา
ถ้าแฮร์ริสชนะ เธอจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นทั้ง ผู้หญิงคนแรก ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรก และหญิงผิวดำคนแรก ที่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่หากนายทรัมป์ชนะ เขาก็จะสร้างประวัติศาสตร์เช่นกัน โดยจะเป็นคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี 2 สมัยแต่ไม่ต่อเนื่องกัน ต่อจากนาย โกรฟเวอร์ คลีฟแลนด์
ยังมีอีกหลายอย่างที่จะตัดสินกันในวันอังคารนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) รวมถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิก ซึ่งรีพับลิกันเป็นฝ่ายได้เปรียบกว่า และเดโมแครตต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ โดยคาดกันว่า รีพับลิกันจะพลิกกลับมาครองวุฒิสภา แต่ยังไม่ชัดว่าใครจะได้ครองสภาผู้แทนฯ
ผลการเลือกตั้งเบื้องต้นที่ออกมาในชั่วโมงแรกๆ ก็อาจยังเชื่อถือไม่ได้ เพราะแต่ละรัฐมีกระบวนการเลือกตั้งของตัวเอง และลำดับการนับคะแนนโหวต ทั้งการโหวตล่วงหน้า, โหวตทางไปรษณีย์ และโหวตในวันเลือกตั้ง ก็แตกต่างกัน และแต่ละเมือง, เขต หรือรัฐ ก็มีกำหนดเวลาประกาศผลช้าเร็วต่างกัน ซึ่งนี่คือ 5 สิ่งที่น่าจับตามองในวันเลือกตั้ง
...
ใครจะได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 270 เสียงก่อน
การเลือกตั้งของสหรัฐฯ สูสีขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2543, 2559 และ 2563 ผู้ชนะได้คะแนนโหวตในรัฐสำคัญมากกว่าคู่แข่งหลักหมื่นเสียงเท่านั้น และคาดกันว่าครั้งนี้ก็จะเป็นเช่นนั้น และสนามการเลือกตั้งที่ทุกสายตาจับจ้องคือ 7 รัฐสวิงสเตท
แอริโซนากับจอร์เจียพลิกเลือกไบเดนในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน หลังจากอยู่ฝ่ายรีพับลิกันมา 1 ชั่วอายุคน ส่วนที่เนวาดา ก็เป็นของเดโมแครตตามเดิม แต่ส่วนต่างกลับหดเล็กลงมา และไบเดนกลับมาตั้งกำแพงสีน้ำเงินที่ เพนซิลเวเนีย, มิชิแกน และวิสคอนซิน ได้อีกครั้ง หลังถูกนายทรัมป์ตีแตกในปี 2559 รัฐสวิงสเตทเดียวที่ทรัมป์ชนะในการเลือกตั้งครั้งก่อนคือ นอร์ทแคโรไลนา ซึ่งคาดว่าจะชิงชัยกันดุเดือดอีกครั้ง
โจทย์ของแฮร์ริสไม่มีอะไรซับซ้อนเธอต้องตั้งกำแพงสีน้ำเงินให้ได้อีกครั้ง แล้วเธอจะเป็นผู้ชนะ แต่หากเธอเสียเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งถึง 19 คะแนนให้ทรัมป์ เส้นทางของเธอจะยากขึ้น แฮร์ริสอาจต้องชดเชยด้วยการชนะที่จอร์เจียหรือนอร์ทแคโรไลนา ที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 คะแนน แต่ถ้าได้แค่รัฐเดียวคงต้องไปตัดสินกันที่ เนวาดากับแอริโซนา
ทรัมป์ก็มุ่งคว้าชัยที่เพนซิลเวเนียเหมือนแฮร์ริส หากเขาชนะที่นั่นและนอร์ทแคโรไลนา ทรัมป์ก็ต้องการแค่ให้รัฐจอร์เจีย เหวี่ยงกลับมาหาเขาอีกครั้ง เพื่อคว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 270 เสียง แต่หากต้องการชนะโดยไม่มีเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ต้องชนะที่มิชิแกน หรือที่วิสคอนซิน แล้วชดเชยด้วยรัฐทางใต้ ตั้งแต่จอร์เจีย ไปจนถึงแอริโซนา และเนวาดา
ผลคะแนนลวงตา
เมื่อ 4 ปีก่อน ทรัมป์ทำลายความเชื่อมั่นในการลงคะแนนเสียงผ่านไปรษณีย์ของผู้โหวตฝ่ายรีพับลิกันไปเยอะมาก ส่งผลให้เกิด “ผลคะแนนลวงตา” โดยในช่วงแรกหลักปิดหีบเลือกตั้ง คะแนนของฝ่ายรีพับลิกันนำในหลายรัฐสวิงสเตท แต่ผลลัพธ์สุดท้าย ทรัมป์กับชนะเพียงรัฐเดียว เนื่องจากมีคะแนนจากผู้โหวตทางไปรษณีย์เข้ามาเสริม
การเกิดผลคะแนนลวงตามีสาเหตุจากหลายปัจจัย รวมถึงสภาพภูมิศาสตร์ และประเภทของบัตรเลือกตั้งที่กำลังถูกนับ และต้องจำไว้ว่า ผลการเลือกตั้งเบื้องต้นที่มิชิแกน ยังไม่รวมคะแนนจากดีทรอยต์ ขณะที่เนเวดาก็ยังไม่รวมคะแนนจากลาสเวกัส
เขตและรัฐต่างๆ ก็มักจะรายงานผลการนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้งทีละประเภท ไม่ว่าจะเป็น บัตรเลือกตั้งล่วงหน้า, บัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ หรือบัตรเลือกตั้งในวันจริง บางพรรคอาจทำผลงานได้ดีกว่าในบางประเภทบัตรเลือกตั้ง เช่นเดโมแครตมีผู้โหวตทางไปรษณีย์จำนวนมากในปี 2563 ทำให้ผลการเลือกตั้งในท้ายที่สุดพลิกกลับ
อีกปัจจัยคือ วิธีนับคะแนนบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ แต่ละรัฐมีกฎของตัวเองว่าจะสามารถเปิดผนึกบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ได้เมื่อไร ที่รัฐเพนซิลเวเนียกับวิสคอนซิน ห้ามเจ้าหน้าที่เริ่มการประมวลก่อนถึงวันเลือกตั้ง ทำให้การนับคะแนนช้า เมื่อเทียบกับรัฐอื่นๆ เช่น ฟลอริดา ที่เริ่มนับได้ล่วงหน้า
สิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2563 ทำให้หลายรัฐเปลี่ยนกฎการโหวตทางไปรษณีย์ เช่นที่จอร์เจีย ออกกฎหมาย ทำให้การใช้สิทธิ์ทางไปรษณีย์น้อยลง แต่กาบัตรล่วงหน้ามากขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้การนับคะแนนไวขึ้น ส่วนที่นอร์ทแคโรไลนา จะรับบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์จนถึงวันเลือกตั้งเท่านั้น บัตรที่มาถึงหลังจากนั้น จะถือเป็นโมฆะ
นอร์ทแคโรไลนาจะนับคะแนนการโหวตทางไปรษณีย์กับการโหวตล่วงหน้าก่อน ซึ่งเป็นวิธีที่ฝ่ายเดโมแครตนิยมใช้ ทำให้กาจเกิดคะแนนลวงตาเป็นฝ่ายเดโมแครตนำในช่วงแรก เช่นเดียวกับที่แอริโซนา
ใครจะได้ครองสภาคองเกรส?
ในวันเดียวกันยังมีการเลือกตั้งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ศึกชิงเก้าอี้สมาชิกสภาคองเกรส ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่า ประธานาธิบดีคนต่อไป จะได้รัฐบาลที่เป็นเอกภาพ และทำตามนโยบายของเขาหรือเธอ หรือเผชิญภาวะชะงักงันทางการเมือง
...
สภาคองเกรสประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร มีสมาชิก 435 คน กับวุฒิสภา มีสมาชิก 100 คน โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีการชิงเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบทุกตำแหน่ง ส่วนวุฒิสมาชิกจะชิงกัน 34 ตำแหน่ง
ารชิงตำแหน่งในสภาคองเกรสครั้งนี้ถูกยกให้สูสีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่วันเลือกตั้งจะมาถึง โดยใครจะได้ควบคุมสภาผู้แทนราษฎรต้องไปวัดกันหน้างาน ขณะที่วุฒิสภาคาดว่าจะมีการเปลี่ยนฝั่งไปเป็นของรีพับลิกัน เนื่องจากความได้เปรียบในจุดที่มีการเลือกตั้ง แต่ส่วนต่างจะน้อยมาก
ปัจจุบัน พรรครีพับลิกันมี สว.ในมือน้อยกว่าเดโมแครตแค่ 1 คน แต่การเลือกตั้งครั้งนี้พวกเขาจะได้ป้องกันตำแหน่งที่มีอยู่ถึง 2 ใน 3 โดย 3 รัฐที่มีการชิงชัยกันเป็นรัฐที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะถึง 2 ครั้ง และอีก 5 รัฐเป็นสวิงสเตท ที่ผู้โหวตพร้อมจะเลือกฝ่ายที่พวกเขาพอใจ ไม่ยึดติดกับพรรคใดพรรคหนึ่ง
นอกจากนั้น เดโมแครตยังเริ่มคืนเลือกตั้งโดยมี สว.ติดลบ 1 คน เพราะ สว.โจ แมนชิน เกษียณอายุ และตอนนี้รัฐเวอร์จิเนียที่นายแมนชินเป็นตัวแทน ยังมีท่าทีสนับสนุนนายทรัมป์อย่างมาก รีพับลิกันยังเล็งคว่าชัยที่รัฐมอนทานา และโอไฮโอ ซึ่งค่อนข้างเอนเอียงไปฝ่ายขวาด้วย
ส่วนเดโมแครตหวังชดเชยความเสียหายด้วยการคว้าชัยที่รัฐฟลอริดา หลังคะแนนนิยมที่เคยนำอยู่ของนายริก สกอตต์ จากฝ่ายรีพับลิกัน หายไปถึง 5% หรือชิงเก้าอี้ของนาย เทด ครูซ สว.รัฐเท็กซัส ที่คะแนนนำฝ่ายเดโมแครตราว 4% และทำให้รัฐเท็กซัสเสี่ยงหลุดมือจากรีพับลิกันมากที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี
ทรัมป์จะรีบประกาศชัยชนะก่อนหรือไม่?
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทรัมป์ใช้ยุทธศาสตร์เดิมเหมือนกับคราวก่อน เขากล่าวหาเดโมแครตว่าโกงการเลือกตั้ง และอ้างว่า มีคนต่างด้าวจำนวนมากมาลงคะแนนเสียง ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง และสร้างข้อสงสัยเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์และต่างประเทศ โดยไม่มีหลักฐานใดๆ ประกอบ แต่ชาวอเมริกันจำนวนมากก็เชื่อที่เขาพูด
...
อย่างที่ระบุไปข้างตน ในการเลือกตั้งครั้งก่อนการนับคะแนนในช่วงแรกที่รัฐสวิงสเตท ออกมาโดยที่นายทรัมป์เป็นผู้นำ เนื่องจากยังไม่ได้นับคะแนนบัตรเลือกตั้งประเภทอื่นๆ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าคราวนี้จะเกิดภาพลวงตาแบบนั้นหรือไม่ เพราะทรัมป์กระตุ้นให้ผู้สนับสนุนใช้สิทธิ์ในทุกรูปแบบ รวมถึงทางไปรษณีย์
และก็มาถึงคำถามที่ว่า นายทรัมป์จะรีบประกาศชัยชนะ ก่อนที่จะรู้ผลการเลือกตั้งแน่ชัดหรือไม่? ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เขาจะคว้าโอกาสของการมีคะแนนนำในช่วงแรก ประกาศชัยชนะและบอกว่าตนเองคือประธานาธิบดี และหากคะแนนพลิกในภายหลัง เขาก็จะสามารถอ้างได้ว่า ตัวเองโดนปล้นชัยชนะ เหมือนเมื่อ 4 ปีก่อน
ความเป็นไปได้นี้ทำให้ฝ่ายเดโมแครตและสื่อหลายเจ้าในสหรัฐฯ เตือนชาวอเมริกันว่า มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะยังไม่แน่ชัดไปหลายวัน หลังปิดหีบ
เส้นตายและข้อมูลเท็จ
นายทรัมป์พยายามเรียกร้องมานานแล้วว่า การเลือกตั้งควรตัดสินกันในคืนวันเดียวกัน แต่การทำเช่นนั้นจะเป็นการตัดสิทธิ์ของผู้โหวตจำนวนมาก โดยเฉพาะในรัฐที่ใช้ระบบ กำหนด “เส้นตายตราประทับไปรษณีย์” ซึ่งหมายความว่า บัตรเลือกตั้งที่ประทับตราไปรษณีย์ภายในวันเลือกตั้ง แต่ส่งมาถึงภายหลัง ไม่ว่าจะ 1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์ หรือ 3 สัปดาห์ หลังเลือกตั้งจบลง ก็ต้องถูกนำไปคิดคะแนน
ระบบนี้สำคัญเป็นพิเศษในรัฐที่มีประชากรมากอย่าง แคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก ซึ่งไม่ได้แข่งขันกันดุเดือดในศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่กลับมีเก้าอี้ สส.จำนวนมากจนอาจเป็นตัวตัดสินว่า เดโมแครตหรือรีพับลิกันจะได้ครองเสียงข้างมากในสภา โดยทั้ง 2 รัฐจะนับคะแนนบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ที่ส่งมาหลังปิดหีบนานสุด 7 วัน ตราบได้ที่ประทับไปรษณีย์ภายในวันเลือกตั้ง
...
รัฐสวิงสเตทส่วนใหญ่ ได้แก่ แอริโซนา, จอร์เจีย, มิชิแกน, นอร์ทแคโรไลนา, เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน กำหนดให้บัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ส่วนใหญ่หรือทั้งหมด ต้องส่งถึงหน่วยเลือกตั้งภายในวันเลือกตั้ง แต่กระบวนการนับกลับช้ากว่ามากที่รัฐเพนซิลเวเนียและวิสคอนซิน ส่วนรัฐเนวาดาจะยังนับรวมบัตรเลือกตั้งที่ถูกส่งมาหลักปิดหีบไม่เกิน 4 วัน
ทีมเลือกตั้งของทั้ง น.ส.แฮร์ริสและนายทรัมป์ จะจับตาดูการนับคะแนนอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าจะมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่ โดยที่รู้ดีว่า ทรัมป์อาจใช้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น มาสนับสนุนคำกล่าวอ้างของเขาเองที่ว่า แฮร์ริสโกงเลือกตั้ง
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ติดตามการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 ได้ที่ ไทยรัฐออนไลน์ https://www.thairath.co.th/uselection2024
ที่มา : cnn