ช่วง 24 ชั่วโมงก่อนที่ชาวอเมริกันจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดี "แฮร์ริส-ทรัมป์" สองผู้สมัครต่างหาเสียงอย่างดุเดือดในรัฐสมรภูมิ โน้มน้าวกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ขณะที่โพลล่าสุดชี้ว่าสองผู้สมัคร มีคะแนนสูสีกันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งมีโอกาสชนะทั้งคู่

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 สำนักข่าวอัลจาซีราห์ รายงานว่า เหลือเวลาอีกเพียง 1 วันตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเริ่มขึ้น รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ต่างไปหาเสียงอย่างดุเดือดในรัฐสมรภูมิ เพื่อโน้มน้าวกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือก

โดยนางแฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ได้ไปหาเสียงเวทีสุดท้ายที่เมืองอัลเลนทาวน์ รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐสมรภูมิ กล่าวโน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้เธอ พร้อมย้ำถึงการเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน โดยไม่เห็นเพื่อนร่วมชาติเป็นศัตรู

ทางด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ปิดฉากแคมเปญหาเสียงที่รัฐนอร์ท แคโรไลนา หนึ่งในรัฐสมรภูมิเช่นกัน โดยทรัมป์พูดถึงประเด็นเรื่องผู้อพยพผิดกฎหมายอีกครั้ง ประกาศว่า หากได้รับการเลือกตั้ง เขาจะแจ้งต่อประธานาธิบดีคนใหม่ของเม็กซิโก ว่าหากยังไม่แก้ปัญหาผู้อพยพ อาชญากรรม และยาเสพติดทะลักเข้าสู่สหรัฐฯ เขาจะสั่งเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกเป็น 25%

ขณะที่โพลล่าสุดจัดทำโดยนิวยอร์กไทมส์ ร่วมกับเซียน่า ระบุว่า แฮร์ริสกับทรัมป์มีคะแนนสูสีกันที่ 48% ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 19 คน ส่วนโพลระดับประเทศของ FiveThirtyEight ชี้ว่าแฮร์ริสมีคะแนนนำทรัมป์เพียง 1% ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูสีมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวเลขช่องว่างขยับแคบเข้ามาเรื่อยๆยิ่งทำให้ผู้สมัครสองฝ่ายมีโอกาสชนะทั้งคู่ 

...

นอกจากนี้ การจัดทำโพลแบบรายวันล่าสุดพบว่า แฮร์ริสมีคะแนนนำเพียงเล็กน้อยในมิชิแกนและวิสคอนซิน โดยมีคะแนนนำประมาณ 0.8% และ 0.6% ตามลำดับ ในทางกลับกัน ทรัมป์กำลังได้เปรียบในแอริโซนา ซึ่งขณะนี้เขามีคะแนนนำแฮร์ริส 2.5% ในนอร์ทแคโรไลนา และจอร์เจีย คะแนนนำของเขาอยู่ที่ประมาณ 1.5% นอกจากนี้ ทรัมป์ยังคงนำเนวาดาอยู่ 0.9% และนำห่างรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นรัฐสำคัญเพียง 0.3%.