เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่า ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในศึกเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา 2024 จำเป็นต้องครอบครองคะแนนเสียงในรัฐ “สวิงสเตท” ให้ได้ จึงจะได้รับชัยชนะ

โดยรัฐตัวแปรที่ความนิยมในพรรครีพับลิกันหรือเดโมแครตยังไม่ชัดเจนนัก มีทั้งหมด 7 รัฐในปีนี้ ประกอบด้วยเพนซิลเวเนีย มิชิแกน วิสคอนซิน นอร์ทแคโรไลนา จอร์เจีย อริโซนา และเนวาดา ทั้งหมดมีคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 93 เสียง ซึ่งในการเลือกตั้งสหรัฐฯ พรรคที่จะคว้าชัยจำเป็นต้องได้ 270 เสียงจากทั้งหมด 538 เสียง

อย่างไรก็ตาม จากประวัติการเลือกตั้งที่ผ่านมาหลายครั้ง รัฐสวิงสเตท 7 รัฐชุดนี้ จะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มรัฐที่เรียกว่า “แถบสนิม” (Rust Belt) ซึ่งหมายถึงรัฐที่เคยเป็นฐานอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ ประกอบด้วยเพนซิลเวเนีย มิชิแกน และวิสคอนซิน และกลุ่มรัฐที่เรียกว่า “แถบพระอาทิตย์” (Sun Belt) จากการที่มีสภาพอากาศอบอุ่น ประกอบด้วย นอร์ทแคโรไลนา จอร์เจีย อริโซนา และเนวาดา

ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละพรรคจะใช้กลยุทธ์เช่นไรเพื่อให้ได้คะแนนนิยม แต่แนวโน้มที่ผ่านมาๆ รัฐทั้งสองกลุ่มนี้มักจะเทคะแนนไปพร้อมกัน ไม่ค่อยแตกแถวเท่าไรนัก อย่างกลุ่มรัฐอุตสาหกรรมรัสต์เบลต์ เดิมทีจะเป็นกลุ่มของสหภาพแรงงานที่นิยมชมชอบเดโมแครต แต่ในการเลือกตั้งปี 2559 ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับกลายเป็นว่ากวาดคะแนนเสียงจากกลุ่มรัสต์เบลต์ไปทั้งหมด

ภายใต้สูตรอันแยบยล รุกสร้างคะแนน นิยมของพื้นที่นอกเมืองและชนบทของรัฐดังกล่าว จนกลายเป็นว่าแม้คนเมืองในรัฐเพนซิลเวเนีย มิชิแกน วิสคอนซิน จะเลือกเดโมแครต แต่สุดท้ายคะแนนดิบรวมจากคนนอกเมืองกลับมากกว่า และทำให้ทรัมป์ประสบชัยชนะตามกฎ “ชนะกินรวบ” วินเนอร์ เทค ออล พรรคใดได้คะแนนดิบมากกว่าจะครอบครองเสียงคณะผู้เลือกตั้งไปทั้งหมด ไม่ต้องมาแบ่งตามสัดส่วน

...

มาคราวนี้ หากคามาลา แฮร์ริส จาก พรรคเดโมแครตต้องการคว้ากลุ่มรัสต์เบลต์ ก็จำเป็นต้องกระตุ้นคนเมืองในรัฐดังกล่าว ให้ออกมาเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนผิวดำ ผิวสี และคนมีการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย.

ตุ๊ ปากเกร็ด

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม