เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: นางคามาลา แฮร์ริส เตือนผู้สนับสนุนว่า โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน กำลังแสวงหาอำนาจที่ไร้การควบคุม ขณะที่การแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเข้าสู่สัปดาห์สุดท้าย
นางคามาลา แฮร์ริส เตือนผู้สนับสนุนนับหมื่นที่รวมตัวกันที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดของเธอว่า โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน กำลังแสวงหาอำนาจที่ไร้การควบคุม ขณะที่การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเข้าสู่สัปดาห์สุดท้าย
เมื่อเย็นวันอังคาร (29 ต.ค.) แฮร์ริสได้กล่าวสุนทรพจน์ในการหาเสียง ซึ่งคาดว่ามีผู้เข้าร่วมมากกว่า 75,000 คน ณ บริเวณใกล้กับทำเนียบขาว ซึ่งเป็นจุดเดียวกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ที่ทรัมป์ได้กล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุนของเขา ก่อนที่พวกเขาจะบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ
แฮร์ริสกล่าวว่า "เรารู้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์เป็นใคร" เธอกล่าวว่าประธานาธิบดีในขณะนั้นได้ส่ง "กลุ่มคนติดอาวุธ" ไปยังอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อพยายามพลิกกลับความพ่ายแพ้ของเขาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020
แฮร์ริสกล่าวในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ปิดท้ายก่อนการเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายนว่า "นี่คือคนที่ไม่มั่นคง หมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้น จมอยู่กับความคับข้องใจ และแสวงหาอำนาจที่ไร้การควบคุม" และจากข้อมูลของ Election Hub มหาวิทยาลัยฟลอริดา ชาวอเมริกันมากกว่า 53 ล้านคนได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว
แฮร์ริสถูกล้อมรอบด้วยธงชาติสหรัฐฯ บนเวที รวมถึงป้ายข้อความสีน้ำเงินและสีขาวที่เขียนว่า "เสรีภาพ" โดยมีทำเนียบขาวที่สว่างไสวอยู่ด้านหลัง โดยฝูงชนประกอบด้วยผู้สูงอายุ นักศึกษา ชาวต่างชาติ ชาวรัฐนิวยอร์ก และเวอร์จิเนียที่อยู่ใกล้เคียง
...
การสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์/อิปซอส เมื่อวันที่ 29 ต.ค. แสดงให้เห็นว่าคะแนนนำของแฮร์ริสลดลงเหลือเพียง 44% ต่อ 43% ในกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง แฮร์ริสมีคะแนนนำทรัมป์ในการสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์/อิปซอสทุกครั้ง นับตั้งแต่เธอการเสนอชื่อในเดือนกรกฎาคม แต่คะแนนของเธอลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน
ทั้งนี้ เหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 กลุ่มผู้สนับสนุนของทรัมป์หลายพันคนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ทำให้สมาชิกรัฐสภาต้องหนีเอาชีวิตรอด หลังจากทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ที่จัตุรัสเอลลิปส์ เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2021 เขาบอกกับฝูงชนให้ "สู้สุดใจ" เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐสภารับรองความพ่ายแพ้ของเขา มีผู้เสียชีวิต 4 รายจากการจลาจลที่รัฐสภา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นายที่คุ้มกันรัฐสภาเสียชีวิตในวันถัดมา ทรัมป์กล่าวว่าหากได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง เขาจะอภัยโทษให้กับผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,500 คนที่ถูกตั้งข้อหา
แฮร์ริสกล่าวกับฝูงชนในกรุงวอชิงตัน ดีซี ว่า "เราต้องหยุดกล่าวโทษกันและเริ่มจับมือกัน" และเรียกร้องให้ชาวอเมริกันยุติการแบ่งแยก
ส่วนในวันเดียวกันที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์พยายามจะไม่ระบุถึงคำพูดเหยียดเชื้อชาติและหยาบคายอื่นๆ ที่พันธมิตรของเขากล่าวในการชุมนุมที่นครนิวยอร์กเมื่อวันอาทิตย์ โดยทรัมป์ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดที่นายโทนี่ ฮินช์คลิฟฟ์ นักแสดงตลก เรียกเปอร์โตริโกว่าเป็น "เกาะขยะลอยได้" และดูถูกคนอเมริกันผิวดำ ชาวยิว ชาวปาเลสไตน์ และละตินอเมริกา
ก่อนหน้านี้ ทีมหาเสียงของทรัมป์กล่าวว่า ความคิดเห็นเกี่ยวกับเปอร์โตริโกไม่ได้สะท้อนมุมมองของอดีตประธานาธิบดี แต่เมื่อวันอังคาร ทรัมป์เรียกการหาเสียงในนิวยอร์กว่าเป็น "เทศกาลแห่งความรัก" และกล่าวว่าเขารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วม
ด้านทีมหาเสียงของทรัมป์ ได้แสดงความไม่พอใจต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่อคำพูดที่เขาพูดเกี่ยวกับการชุมนุม ตามบันทึกการสนทนาที่โฆษกทำเนียบขาวโพสต์บน X ไบเดนกล่าวว่า "ขยะเพียงอย่างเดียวที่ผมเห็นลอยอยู่ที่นั่นคือผู้สนับสนุนของเขา การที่เขาดูหมิ่นชาวละตินเป็นสิ่งที่ไร้สำนึกและเป็นสิ่งที่ไม่ใช่อเมริกัน"
ต่อมาไบเดนโพสต์บน X ว่า "เมื่อเช้านี้ ผมได้อ้างถึงวาทกรรมที่แสดงความเกลียดชังต่อเปอร์โตริโกที่ผู้สนับสนุนทรัมป์พูดออกมาในการชุมนุมที่เมดิสันสแควร์การ์เดนว่าเป็นขยะ ซึ่งเป็นคำเดียวที่ผมนึกออกเพื่ออธิบายเรื่องนี้ การที่เขาดูหมิ่นชาวละตินเป็นสิ่งที่ไร้สำนึก นั่นคือทั้งหมดที่ผมต้องการจะพูด ความคิดเห็นในการชุมนุมครั้งนั้นไม่ได้สะท้อนถึงตัวตนของเราในฐานะประเทศชาติ"
ด้านทรัมป์ได้เดินทางไปยังเมืองที่มีชาวฮิสแปนิกอาศัยอยู่หนาแน่นในรัฐเพนซิลเวเนีย สองวันหลังจากที่ความคิดเห็นของนายฮินช์คลิฟฟ์เกี่ยวกับเปอร์โตริโก ทำให้เกิดความโกรธแค้น
สำนักงานสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ ระบุว่า ชาวเปอร์โตริโกเป็นกลุ่มฮิสแปนิกที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งมากที่สุดใน 7 รัฐที่คาดว่าจะตัดสินผลการเลือกตั้ง.
ที่มา Reuters
อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign