- ย้อนไปในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับชัยชนะ ชาวรัสเซียต่างตั้งความหวังว่า ชัยชนะครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ หลายคนตั้งความหวังไว้สูงมากว่าทรัมป์จะยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซีย หรือแม้แต่การยอมรับว่าคาบสมุทรไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
- ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียเสื่อมถอยลงภายใต้การนำของนายบารัค โอบามา และแย่ลงภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และจากคำพูดของนายอนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตันดีซี ที่เพิ่งหมดวาระ ระบุว่า ความสัมพันธ์กำลัง "พังทลาย" ภายใต้การนำของโจ ไบเดน
- เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่า อเมริกาเป็นศัตรูตลอดกาลของรัสเซีย ซึ่งเป็นมุมมองโลกที่มักสะท้อนให้เห็นในสื่อของรัฐ และคนที่ไม่พอใจอเมริกา ก็อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจเสพข่าวจากทีวีรัสเซียช่องทางเดียวหรือไม่ ขณะที่อีกหลายคน ไม่ได้มองว่าอเมริกาเป็นศัตรูที่ชั่วร้าย
ในเดือนพฤศจิกายน 2016 นายวลาดิเมียร์ ชิรินอฟสกี นักการเมืองชาตินิยมสุดโต่งของรัสเซีย รู้สึกตื่นเต้นกับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์มาก และมั่นใจว่าชัยชนะครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย เขาจึงซื้อแชมเปญ 132 ขวด มาเปิดฉลองที่นรัฐสภาของรัสเซีย และจัดงานปาร์ตี้ในสำนักงานของพรรคต่อหน้ากล้องโทรทัศน์
นอกจากนั้น หนึ่งวันหลังจากที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะอย่างเหนือความคาดหมายในทำเนียบขาว มาร์การิตา ซิมอนยาน บรรณาธิการบริหารของสถานีโทรทัศน์ของรัฐ RT ทวีตข้อความว่า เธอตั้งใจจะขับรถไปรอบๆ กรุงมอสโก พร้อมกับติดสติ๊กเกอร์ธงชาติสหรัฐฯ ที่กระจกรถของเธอ และเธอยังว่าเธอสูบบุหรี่ซิการ์และดื่มแชมเปญหนึ่งขวด เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของทรัมป์
...
ในกรุงมอสโก หลายคนตั้งความหวังไว้สูงมากว่าทรัมป์จะยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซีย บางทีอาจถึงขั้นยอมรับว่าคาบสมุทรไครเมียซึ่งผนวกมาจากยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียก็ได้ นายคอนสแตนติน เรมชูคอฟ เจ้าของและบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ Nezavisimaya Gazeta กล่าวว่า "คุณค่าของทรัมป์ก็คือเขาไม่เคยเทศนาเรื่องสิทธิมนุษยชนในรัสเซีย"
แต่ไม่นานหลังจากนั้น ความวุ่นวายและความหวังทั้งหมดก็มอดดับลง
เรมชูคอฟเล่าว่า "ทรัมป์ใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่รุนแรงที่สุดในเวลานั้น" และกล่าวว่า "เมื่อสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่ง หลายคนผิดหวังกับการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา"
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าหน้าที่รัสเซียจึงระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับโอกาสที่ทรัมป์จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง อย่างน้อยก็ในที่สาธารณะ
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกมาสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต แม้ว่าการสนับสนุนดังกล่าวจะถูกตีความอย่างกว้างขวางว่าเป็นเรื่องตลกของรัฐบาลรัสเซีย หรือการล้อเลียนรัฐบาล ปูตินอ้างว่าเขาชอบเสียงหัวเราะของคามาลา แฮร์ริส
แต่เราไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองที่มีประสบการณ์ เพื่อทำความเข้าใจว่าในช่วงหาเสียง สิ่งที่ทรัมป์พูดต่างหากที่เป็นเครื่องรับประกันได้ว่าจะทำให้ปูตินยิ้มได้
ตัวอย่างเช่น การวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์เกี่ยวกับขอบเขตของความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ สำหรับยูเครน การที่เขาดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะกล่าวโทษปูตินสำหรับการรุกรานครั้งใหญ่ของรัสเซีย และการปฏิเสธที่จะพูดว่าเขาต้องการให้ยูเครนชนะสงครามหรือไม่ในระหว่างการดีเบตกับแฮร์ริส ในทางตรงกันข้าม แฮร์ริสโต้แย้งว่าการสนับสนุนยูเครน เป็น "ผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์" ของอเมริกา และเธอเรียกปูตินว่าเป็น "เผด็จการที่โหดเหี้ยม"
ไม่ใช่ว่าสถานีโทรทัศน์ของรัฐรัสเซียจะชมเธอเป็นพิเศษเช่นกัน เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ผู้ประกาศข่าวที่วิจารณ์แฮร์ริสอย่างรุนแรงที่สุดคนหนึ่งของรัสเซีย ได้ปฏิเสธความสามารถทางการเมืองของแฮร์ริสอย่างสิ้นเชิง เขาเสนอว่าเธอน่าจะดีกว่าถ้าเป็นพิธีกรรายการทำอาหารทางทีวี
ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งที่อาจเหมาะกับรัสเซีย นั่นคือการเลือกตั้งที่สูสีมาก ตามมาด้วยผลลัพธ์ที่อาจก่อให้เกิดข้อโต้แย้ง อเมริกาที่จมอยู่กับความโกลาหล ความสับสน และการเผชิญหน้าหลังการเลือกตั้งจะมีเวลาน้อยลงที่จะมุ่งเน้นไปที่กิจการต่างประเทศ รวมถึงสงครามในยูเครน
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียเสื่อมถอยลงภายใต้การนำของนายบารัค โอบามา และแย่ลงภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และตามคำพูดของอนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตันที่เพิ่งหมดวาระ ความสัมพันธ์กำลัง "พังทลาย" ภายใต้การนำของโจ ไบเดน
ขณะที่สหรัฐฯ โยนความผิดไปที่รัสเซียทั้งหมด เพียงแปดเดือนหลังจากที่ปูตินและไบเดนพบกันในการประชุมสุดยอดที่นครเจนีวา ผู้นำรัสเซียก็สั่งให้รัสเซียรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ
...
ไม่เพียงแต่รัฐบาลของไบเดน จะส่งคลื่นยักษ์แห่งการคว่ำบาตรมายังรัสเซียเท่านั้น แต่ความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ยูเครนผ่านพ้นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กินเวลานานกว่าสองปีครึ่งได้ อาวุธล้ำสมัยที่อเมริกาส่งให้ยูเครน ได้แก่ รถถัง M1 Abrams และไฮมาร์ส หรือ ระบบยิงจรวดด้วยปืนใหญ่เคลื่อนที่คล่องตัวสูง (HIMARS)
ตอนนี้จึงแทบไม่น่าเชื่อว่า เมื่อไม่นานมานี้ รัสเซียและสหรัฐฯ เคยให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงระดับโลก
ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 โรนัลด์ เรแกน และมิคาอิล กอร์บาชอฟ ได้ร่วมมือกันทางภูมิรัฐศาสตร์เพื่อลดคลังอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศของตน และหากมีสิ่งหนึ่งที่เรแกนดูเหมือนจะชอบ พอๆ กับการลดอาวุธนิวเคลียร์ นั่นก็คือการท่องสุภาษิตรัสเซียให้กอร์บาชอฟฟังเป็นภาษารัสเซียแบบตะกุกตะกัก
ในปี 1991 สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหภาพโซเวียตและอเมริกา ไรซา กอร์บาชอวา และบาร์บารา บุช เปิดตัวอนุสรณ์สถานที่มีความแปลกประหลาดในกรุงมอสโก นั่นก็คือ รูปปั้นแม่เป็ดกับลูกเป็ด 8 ตัว อนุสรณ์ดังกล่าวเป็นแบบจำลองของประติมากรรมในสวนสาธารณะเมืองบอสตัน และถูกนำไปมอบให้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างเด็กโซเวียตและอเมริกัน
...
อนุสรณ์สถานแห่งนี้ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่ชาวกรุงมอสโกจนถึงทุกวันนี้ ชาวรัสเซียแห่กันไปที่สวนสาธารณะโนโวเดวิชี เพื่อถ่ายรูปกับเป็ดสัมฤทธิ์ แม้ว่านักท่องเที่ยวเพียงไม่กี่คนจะทราบเรื่องราวเบื้องหลังของ "การทูตเป็ด" ของสองชาติมหาอำนาจก็ตาม
เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย เป็ดเหล่านี้ก็ได้รับความเสียหายบ้าง ในครั้งหนึ่ง เป็ดบางตัวถูกขโมยไปและต้องสร้างขึ้นมาใหม่
ขณะที่ชาวรัสเซียแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอเมริกาและการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ชาวรัสเซียคนหนึ่งบอกว่า "ผมอยากให้สหรัฐอเมริกาหายไป เพราะอเมริกาก่อให้เกิดสงครามมากมายในโลก สหรัฐอเมริกาเป็นศัตรูของเราในสมัยโซเวียตและยังคงเป็นเช่นนั้น ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นประธานาธิบดี"
อเมริกาเป็นศัตรูตลอดกาลของรัสเซีย นั่นคือมุมมองโลกที่มักสะท้อนให้เห็นในสื่อของรัฐ และคนที่ไม่พอใจอเมริกา ก็อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจเสพข่าวจากทีวีรัสเซียช่องทางเดียวหรือไม่ ขณะที่อีกหลายคน ไม่ได้มองว่าอเมริกาเป็นศัตรูที่ชั่วร้าย
หญิงชาวรัสเซียคนหนึ่งบอกว่า "ฉันสนับสนุนสันติภาพและมิตรภาพ" เธอกล่าวว่า "แต่ตอนนี้เพื่อนของฉันในอเมริกากลัวที่จะโทรหาฉัน บางทีอาจไม่มีเสรีภาพในการพูดที่นั่น หรือบางทีอาจเป็นที่นี่ในรัสเซียที่ไม่มีเสรีภาพในการพูด ฉันไม่รู้"
ส่วนอีกคนหนึ่งกล่าวว่า "ประเทศของเราและประชาชนของทั้งสองประเทศควรเป็นเพื่อนกัน โดยไม่ต้องทำสงครามและไม่ต้องแข่งขันกันว่าใครมีขีปนาวุธมากกว่า ฉันชอบทรัมป์มากกว่า ตอนที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ไม่เคยมีสงครามใหญ่ๆ เกิดขึ้น"
แม้ว่ารัสเซียกับอเมริกาจะมีความแตกต่างกัน แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองประเทศมีเหมือนกัน นั่นคือ ทั้งสองประเทศมีประธานาธิบดีที่เป็นผู้ชายมาโดยตลอด
...
แล้วชาวรัสเซียจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่ หญิงคนหนึ่งกล่าวว่า "ฉันคิดว่าคงจะดีมากหากผู้หญิงได้เป็นประธานาธิบดี"
"ฉันยินดีที่จะลงคะแนนเสียงให้ผู้หญิงเป็นประธานาธิบดีในรัสเซีย ฉันไม่ได้บอกว่าจะดีกว่าหรือแย่กว่า แต่มันจะแตกต่างออกไป".
ที่มา BBC
อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign