(ภาพจาก Tangipahoa Parish Sheriff's Office)
ติ๊กต่อกเกอร์คนดังในสหรัฐฯ โดนจับกุมตัวและตั้งข้อหา ฆาตกรรมโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน ในคดีการเสียชีวิตของนักบำบัดโรควัย 69 ปีในรัฐลุยเซียนา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 3 ต.ค. 2567 ว่า นายเทอร์รียง โทมัส หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Mr Prada” (มิสเตอร์พราด้า) ผู้ใช้งานแพลตฟอร์มติ๊กต่อก (TikTok) ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 4.3 ล้านคน ถูกจับกุมตัวที่เมืองดัลลัส รัฐเทกซัส เมื่อบ่ายวันอังคารที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น
ตำรวจระบุว่า การจับกุมนายโทมัสเกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่พบนาย วิลเลียม อับราฮัม นักบำบัดโรควัย 69 ปี ถูกห่อด้วยผ้าใบสีน้ำเงิน ที่ฝั่งตะวันออกของถนนหลวงหมายเลข 51 ที่เมืองบาตัน โรก ในรัฐลุยเซียนา เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (29 ก.ย.) โดย นายอับราฮัมเสียชีวิตจากการถูกอาวุธทื่อฟาดเข้าที่ศีรษะ
ตำรวจพบในเวลาต่อมาว่า รถของนายอับราฮัมหายไป และมีการพบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ชื่อว่า นายโทมัสเป็นคนสุดท้ายที่ขับรถของนักบำบัดโรครายนี้ โดยเจ้าหน้าที่ตามนายรถกับนายโทมัสจนเจอและพยายามขอให้จอดรถ แต่เขาขัดขืนการจับกุม และถอยรถชนรถตำรวจก่อนหลบหนีไป แต่จนมุมในเวลาต่อมา
ตามการเปิดเผยของสำนักงานนายอำเภอเขต บาตัน โรก ตะวันออก นายโทมัสในวัย 20 ปี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมระดับ 2 หรือฆาตกรรมโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาขัดขวางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ โดยตอนนี้เขาถูกควบคุมตัวอยู่ที่เมืองดัลลัส รัฐเทกซัส รอถูกส่งตัวไปดำเนินคดีที่รัฐลุยเซียนา
ตำรวจตรวจค้นอพาร์ตเมนต์ของนายโทมัสที่เมืองบาตัน โรก และพบหลักฐานว่าเกิดการทะเลาะวิวาทที่มีการใช้กำลังเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างรุนแรง และเลือดจำนวนมาก กับอาวุธที่ไม่มีการเจาะจงว่าคืออะไร ขณะที่พยานบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า พบเห็นนายโทมัสลากผ้าใบสีน้ำเงินที่ห่ออะไรสักอย่างขึ้นไปบนรถของนายอับราฮัม ในวันเสาร์ที่ 28 ก.ย. 1 วันก่อนพบศพ
...
ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณนั้นแสดงให้เห็นด้วยว่า นายอับราฮัมเดินทางมาถึงตึกอพาร์ตเมนต์ที่นายโทมันอาศัยอยู่ในช่วงเช้าวันเสาร์ โดยสวมชุดเดียวกับในตอนที่ศพของเขาถูกพบ อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่ระบุว่า นายโทมัสกับนายอับราฮัมรู้จักกันได้อย่างไร
ทั้งนี้ นายโทมัสนับเป็นผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ “ติ๊กต่อก” ที่เป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง โดยมีผู้ติดตามส่วนใหญ่เป็นคนเจนแซด (Gen Z) โพสต์คลิปวิดีโอเกี่ยวกับโรงเรียน, ความสัมพันธ์ และเทรนด์ต่างๆ
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc