28 กันยายน 2024 เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ลงนามในหนังสืออย่างเป็นทางการ ข้อใหญ่ใจความในเอกสารระบุว่า รัฐแคลิฟอร์เนียขอรับผิดในการส่งเสริมอำนวยความสะดวก และอนุญาตการตั้งระบบทาสและเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในอดีต

ตามความเป็นจริง รัฐแคลิฟอร์เนียไม่เคยเข้าร่วมกับฝ่ายใต้ที่สนับสนุนให้มีการค้าทาส แต่อนุญาตให้รัฐฝ่ายใต้พาทาสเข้ามาอยู่ในดินแดนของแคลิฟอร์เนีย และช่วยไล่ฆ่าล่าทาสที่หลบหนี ปัจจุบันมี 12 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐที่ประกอบกันเป็นสหรัฐอเมริกา ที่ได้ออกคำขอโทษอย่างเป็นทางการที่รัฐของตัวเองเกี่ยวดองหนองยุ่งกับการค้าทาสในอดีต

การออกมาขอโทษของผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียทำให้มีคนสนใจใคร่รู้ว่าเรื่องของรัฐแคลิฟอร์เนียและการค้าทาสในสหรัฐฯ

สเปนจะไปตั้งอาณานิคมที่ไหนก็จะให้พวกมิชชันนารีไปสอนศาสนาและเปลี่ยนให้คนมานับถือศาสนาคริสต์เสียก่อน เช่นเดียวกับการเข้าไปตั้งอาณานิคมในดินแดนแคลิฟอร์เนียอย่างเป็นทางการ ภายหลังชาวแคลิฟอร์เนียขอเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสหรัฐฯเม็กซิโก ต่อมาก็เปลี่ยนไปชักธงอเมริกัน จึงเกิดสงคราม เม็กซิโกแพ้ในสงครามเม็กซิโก ต้องยกดินแดนแคลิฟอร์เนียให้สหรัฐฯ

ต่อมามีคนจากทวีปยุโรปและคนจีนเข้าไปลงหลักปักฐานในแคลิฟอร์เนีย แต่คนจีนมีจำนวนน้อยกว่า จึงถูกต่อต้านและถูกกลุ้มรุมทำร้ายอยู่เป็นประจำ ภายหลังพวกผิวขาวในรัฐแคลิฟอร์เนียมีอิทธิพลต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ก็ให้สภาคองเกรสออก Chinese Exclusion Act ค.ศ.1882 แปลเป็นไทยคือรัฐบัญญัติกีดกันชาวจีน ข้อใหญ่ใจความของกฎหมายฉบับนี้ ก็คือไม่อนุญาตให้คนจีนอพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐฯ

พวกเราเคยไปตระเวนตามจังหวัดต่างๆของสาธารณรัฐเบนิน ขับรถไปจนทะลุสาธารณรัฐบูร์กินาฟาโซและสาธารณรัฐโตโก ประวัติศาสตร์ของคนทางแถบนี้คือการถูกจับไปเป็นทาสที่สหรัฐฯ ใครที่ไปเยือนเมืองอวีดาฮ์ของเบนิน ก็จะเห็นสิ่งก่อสร้างทรงเหลี่ยมที่เรียกว่า La Porte de Non Retour หรือประตูไม่หวนกลับ

...

ช่องประตูนี้นี่แหละครับ ที่ชายหญิงชาวแอฟริกัน 20 กว่าล้านชีวิตถูกพวกผิวขาวบังคับให้เดินผ่านเพื่อไปแออัดยัดเยียด อยู่ในเรือที่แล่นข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังโลกใหม่ที่เรียกว่าแผ่นดินอเมริกา ขบวนการนำคนผิวดำข้ามไปดินแดนสหรัฐฯนี้เรียกว่า Transatlantic Slave Trade

ตระเวนไปในเบนินก็จะเห็นบางหมู่บ้านมีอนุสาวรีย์ที่ผู้ชายบ้าง ผู้หญิงบ้าง แขนขาด ขาขาด คนแอฟริกันตะวันตกในสมัยก่อนตอนโน้น ถ้าไม่อยากไปเป็นทาสก็ต้องตัดมือ ตัดขาตัวเองทิ้ง เพื่อให้กลายเป็นคนพิการ แค่เห็นอนุสาวรีย์ตามที่ต่างๆก็หดหู่ใจในสิ่งที่บรรพบุรุษของคนอเมริกันทำไว้ในอดีต

บรรพบุรุษของคนผิวขาวไม่ยอมให้คนผิวดำเรียนหนังสือ ภายหลังเริ่มมีการสร้างโรงเรียนประถมสำหรับเด็กผิวดำ แต่ก็ไม่มีโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัยที่รับนักเรียนผิวดำเข้ามาเรียนต่อ ต่อมามีการสร้างสถาบันที่สอนคนผิวดำในเรื่องการเกษตร การรับใช้ในบ้าน การเป็นลูกมือทำงานแบบหยาบๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม

แม้จะมีการปลดปล่อยทาสแล้ว แต่พวกผิวขาวก็ยังออกกฎหมายห้ามคนผิวดำแต่งงานกับคนผิวขาว แยกการใช้เครื่องสาธารณูปโภคไม่ให้ใช้ปะปนกัน

ห้วงเวลาไม่กี่ปีก่อนจะขึ้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีการประชาทัณฑ์พวกคนผิวดำที่ไปใช้สาธารณูปโภคของคนผิวขาวหลายพันราย มีการประชาทัณฑ์คนผิวดำในรัฐนอร์ท แคโรไลนา มีคนผิวดำมากกว่า 1,100 คนที่ถูกคนทำร้ายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อคนผิวดำที่จะลุกขึ้นมาทวงสิทธิทางการเมืองและสังคม

ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียลงนามในเอกสารเมื่อ 28 กันยายน 2024 ยอมรับว่ารัฐนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับการค้าทาส แต่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินชดเชย การออกมาขอโทษคนผิวดำเป็นเพียงละครที่หลอกให้คนผิวดำลงคะแนนให้ตัวเองเพื่อขึ้นไปสู่อำนาจเท่านั้นเอง.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com

คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม