สื่อรัฐบาลเมียนมา เปิดเผยว่ายอดผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นยางิพุ่งสูงขึ้นเป็น 74 ราย หนึ่งวันหลังจากที่รัฐบาลทหารได้ร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ

หนังสือพิมพ์โกลบัล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมา ระบุว่า อุทกภัยส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 74 ราย และสูญหาย 89 ราย ณ เย็นวันศุกร์ (13 ก.ย.) ขณะที่ตัวเลขอย่างเป็นทางการ ระบุว่า อุทกภัยและดินถล่มคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 350 รายในเมียนมา เวียดนาม ลาว และไทย จากอิทธิพลของไต้ฝุ่นยางิ ซึ่งพัดถล่มภูมิภาคนี้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะนี้ ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยยังคงดำเนินต่อไป โดยระบุว่าอุทกภัยได้ทำลายบ้านเรือนไปกว่า 65,000 หลัง และเขื่อน 5 แห่ง ส่งผลเมียนมาที่เผชิญกับการสู้รบมาตั้งแต่การรัฐประหารของกองทัพในปี 2564 ต้องประสบกับความทุกข์ยากมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 33 ศพ และมีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 235,000 คน พื้นที่เกษตรกรรมจำนวนมากถูกน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง รวมถึงบริเวณรอบกรุงเนปิดอว์ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ราบต่ำ นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่าเกิดดินถล่มในเขตพื้นที่ภูเขา แต่ถนนและสะพานได้รับความเสียหาย และสายโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตขัดข้อง ทำให้การรวบรวมข้อมูลทำได้ยาก

สื่อของรัฐรายงานว่า แม่น้ำสะโตงและพะโค ซึ่งไหลผ่านภาคกลางและภาคใต้ของเมียนมา ยังคงอยู่เหนือระดับอันตรายในวันนี้ (15 ก.ย.) แม้ว่าคาดว่าระดับน้ำจะลดลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่ทางการเมียนมาได้เปิดค่ายบรรเทาทุกข์ 82 แห่งเพื่อรองรับผู้พลัดถิ่น

น้ำท่วมทำให้ชาวเมียนมาเผชิญความยากลำบากมากขึ้น หลังจากประชาชนมากกว่า 2.7 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐานเนื่องจากความขัดแย้งพล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมากล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลต้องการติดต่อกับนานาชาติ เรื่องรับความช่วยเหลือด้านการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัย ขณะนี้จำเป็นต้องดำเนินมาตรการกู้ภัย บรรเทาทุกข์ และฟื้นฟูโดยเร็วที่สุดก่อนหน้านี้ กองทัพได้ขัดขวางหรือขัดขวางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากต่างประเทศ

...

โดยเมื่อปีที่แล้วได้ระงับการอนุญาตเดินทางของกลุ่มบรรเทาทุกข์ที่พยายามเข้าถึงผู้ประสบภัยร่วมล้านคน จากไซโคลนโมคา ที่พัดถล่มภาคตะวันตกของประเทศ

เมื่อวันเสาร์ สำนักงานประสานงานกิจการมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNOCHA) ในเมียนมา และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) แจ้งต่อสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำร้องขอของรัฐบาลทหารได้

ฝนฤดูมรสุมถล่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทุกปี แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ทำให้เกิดรูปแบบสภาพอากาศที่รุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมที่สร้างความเสียหายได้มากขึ้น ตามผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในเดือนกรกฎาคม ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศทำให้ไต้ฝุ่นก่อตัวใกล้ชายฝั่งมากขึ้น รุนแรงขึ้นเร็วขึ้น และคงอยู่เหนือพื้นดินนานขึ้น.

ที่มา AFP

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign