ดีอาร์คองโกตัดสินประหารชีวิตจำเลย 37 คน รวมชาวอเมริกัน 3 ราย ฐานมีส่วนร่วมในความพยายามก่อรัฐประหารที่ล้มเหลวเมื่อหลายเดือนก่อน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา ศาลทหารของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก) พิพากษาประหารชีวิตผู้ต้องหา 37 คน รวมถึงชาวอเมริกัน 3 ราย ชาวอังกฤษ, เบลเยียม และแคนาดาอีกหลายคน หลังพวกเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหา มีส่วนร่วมในการก่อรัฐประหาร

ความพยายามก่อรัฐประหารดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นำโดยนาย คริสเตียน มาลังกา ฝ่ายค้านที่แทบไม่เป็นที่รู้จักในตอนนั้น โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุมุ่งเป้าโจมตีทำเนียบประธานาธิบดี และพันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดี เฟลิกซ์ ซีเซเกดี โดยไลฟ์สตรีมการโจมตีผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ก่อเหตุถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงกำราบได้ในเวลาไม่นาน มีผู้เสียชีวิต 6 ศพระหว่างการปะทะกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงตัวนายมาลังกา ที่ถูกยิงตายขณะขัดขืนการจับกุม นอกจากนั้นยังมีผู้ถูกจับกุมอีกหลายสิบคน

เมื่อเดือนมิถุนายน ศาลของดีอาร์คองโกเริ่มการไต่สวนจำเลยมากกว่า 50 คนในคดีนี้ ซึ่งถูกตั้งข้อหามากมายทั้ง ก่อการร้าย, ฆาตกรรม และซ่องโจร โดยมีจำเลยได้รับการตัดสินให้ไม่มีความผิด 14 ราย ขณะที่ 37 ราย ถูกตัดสินให้มีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา

นายมาเซล มาลังกา ลูกชายวัย 21 ปี ของนายมาลังกา ซึ่งถือสัญชาติอเมริกัน กับชาวอเมริกันอีก 2 คน ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงในคดีนี้ด้วย โดยนาง บริตนีย์ ซอว์เยอร์ มารดาของเขา ยืนกรานมาตลอดว่าลูกชายเป็นผู้บริสุทธิ์ และเขาแค่ทำตามที่ผู้เป็นพ่อบอกเท่านั้น

ชาวอเมริกันคนอื่นๆ ได้แก่ นายไทเลอร์ ธอมป์สัน จูเนียร์ ซึ่งเดินทางจากรัฐยูทาห์ไปยังแอฟริการ่วมกับนายมาลังกาผู้ลูก โดยที่ครอบครัวของนายธอมป์สันนึกว่าเดินทางไปเที่ยว และนายเบนจามิน รูเบน ซัลมาน-โปลุน วัย 36 ปี ซึ่งข่าวระบุว่า รู้จักกับนายมาลังกาผู้พ่อผ่านบริษัททำเหมืองทอง

...

ทั้งนี้ นักโทษทั้ง 37 คนยังสามารถยืนอุทธรณ์คัดค้านคำตัดสินได้ โดยดีอาร์คองโกเพิ่งกลับมาเริ่มบังคับใช้โทษประหารชีวิตอีกครั้งในปี 2566 หลังระงับการบังคับใช้โทษมานานกว่า 2 ทศวรรษ อ้างว่า เพื่อลดปัญหาความรุนแรงและการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธในประเทศ

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cnn