เมื่อวันที่ 21 ส.ค. หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์ก ไทม์ส รายงานอ้างแหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมเพนตากอนและสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาวสหรัฐฯว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามอนุมัติเอกสารลับด้านแผนการใช้กำลังทางอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อรับมือกับ “ชาติคู่ปรับ” ที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ โดยเป็นเอกสารฉบับปรับปรุงใหม่ ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับจีนเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯระบุว่า เอกสารลับดังกล่าวถือเป็นเอกสารลับที่สุด ที่จะไม่มีการบันทึกไว้ในรูปแบบดิจิทัล มีเพียงรูปแบบกระดาษเท่านั้น และจะมีการปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดทุกๆ 4 ปี ซึ่งสำหรับเอกสารฉบับนี้นายไบเดนได้ลงนามอนุมัติการแก้ไขและบังคับใช้ไปในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และถือเป็นครั้งแรกที่มุ่งเน้นเรื่องศักยภาพในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของกองทัพจีน
รายงานของนิวยอร์ก ไทม์สยังอ้างการเปิดเผยของนายวิพิน นารัง ผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมฝ่ายนโยบายอวกาศ ที่ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่นานมานี้ประธานาธิบดีไบเดนเพิ่งมีการอนุมัติแนวทางการใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับปรับปรุง เพื่อรับมือกับชาติคู่ปรับหลายประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมยอมรับว่าการพัฒนาศักยภาพทางอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศจีน ถือเป็นเรื่องที่สหรัฐฯไม่ทันคาดคิด และไม่ทันได้เตรียมตัวไว้
อย่างไรก็ตาม นายฌอน ซาเวตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่าการปรับปรุงเอกสาร ไม่ได้เจาะจงไปที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง และไม่ได้ระบุว่าประเทศใดๆเป็นภัยคุกคามของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2566 กระทรวงกลาโหมเพนตากอน สหรัฐฯ ประเมินว่ากองทัพจีนจะครอบ ครองหัวรบนิวเคลียร์มากกว่า 1,000 หัวรบภายในปี 2573 ขณะที่ข้อมูลจากสถาบันวิจัยเพื่อสันติภาพสตอกโฮล์มในสวีเดน รายงานว่าปัจจุบันสหรัฐฯครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ 5,550 หัวรบ รัสเซียครอบครอง 6,255 หัวรบ
...
การแก้ไขเอกสารลับด้านแผนการใช้นิวเคลียร์ ยังมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างขั้วอำนาจตะวันตก-ตะวันออก ที่กำลังเขม็งเกรียวมากขึ้นเรื่อยๆจากสถานการณ์สงครามยูเครน การเผชิญ หน้าในช่องแคบไต้หวัน ไปจนถึงการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งทั้งรัสเซียและจีนได้กล่าวหาสหรัฐฯว่าพยายามจุดไฟความขัดแย้ง พร้อมขอให้สหรัฐฯละทิ้งแนวคิดยุคสงครามเย็น.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่