จำนวนผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาจากการโจมตีของอิสราเอล เพิ่มขึ้นจนทะลุ 40,000 ศพแล้ว ขณะอาคารถูกทำลาย หรือเสียหายไปกว่า 60%

เมื่อ 15 ส.ค. 2567 กระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซา ซึ่งบริหารโดยกลุ่มฮามาส เปิดเผยว่า จำนวนชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตเพราะการโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซา นับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นเมื่อ 7 ต.ค. 2566 เพิ่มเป็นอย่างน้อย 40,005 ศพแล้ว หรือคิดเป็น 1.7% จากประชากรทั้งหมด 2.3 ล้านคน ภายในดินแดนเล็กๆ แห่งนี้

รายงานจาก กระทรวงสาธารณสุขกาซา ไม่ได้จำแนกผู้เสียชีวิตว่าเป็นพลเรือน หรือนักรบติดอาวุธกี่ราย แต่ระบุว่าผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เป็นเด็ก, ผู้หญิง และคนชรา ด้านกองทัพอิสราเอลบอกกับสำนักข่าวบีบีซีไว้ก่อนหน้านี้ว่า มีผู้ก่อการร้ายในกาซาถูกสังหารแล้วมากกว่า 15,000 คน

ทั้งนี้ เป็นเรื่องยากที่จะยืนยันตัวเลขความสูญเสียในฉนวนกาซาที่ชัดเจน เนื่องจากนักข่าวนานาชาติถูกอิสราเอลห้ามไม่ให้เข้าไปในฉนวนกาซาด้วยตัวเอง

ในอดีต สหประชาชาติกับสถาบันระหว่างประเทศ มองว่า ตัวเลขจาก กระทรวงสาธารณสุขกาซา ค่อนข้างน่าเชื่อถือ เพราะนับเฉพาะผู้เสียชีวิตที่ลงทะเบียนในโรงพยาบาลกับระบบกลาง ซึ่งมีทั้งชื่อ, เลขประจำตัวประชาชน และข้อมูลอื่นๆ แต่สงครามทำให้ กระทรวงสาธารณสุขกาซา ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมาตั้งแต่ปลายปีก่อนแล้ว

ฝ่ายอิสราเอลตั้งคำถามเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตที่หน่วยงานของฮามาสเปิดเผยมาตลอด และถึงขั้นออกมากล่าวหาว่าเป็นข้อมูลปลอมจากองค์กรก่อการร้าย เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า จำนวนที่แท้จริงของผู้เสียชีวิตจากผลกระทบโดยตรงของสงครามอาจสูงกว่าตัวเลขที่ออกมาเสียอีก โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นประเมินว่ายังมีศพผู้เคราะห์ร้ายอีกกว่า 10,000 ราย ที่ยังคงถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังของอาคารที่ถูกอิสราเอลโจมตีทางอากาศทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้

...

ขณะเดียวกันผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียมโดยมหาวิทยาลัยนครนิวยอร์ก และมหาวิทยาลัยรัฐโอเรกอน ชี้ว่าอาคารบ้านเรือนในฉนวนกาซากว่า 59.3% ได้รับความเสียหาย หรือถูกทำลายไปแล้ว นับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น โดยเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้สุดของกาซา ได้รับความเสียหายเพิ่มเร็วที่สุด


โดยการทำลายล้างส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตีที่เมืองราฟาห์ เมื่อ 6 พฤษภาคม ส่งผลให้อาคารจำนวนมากถูกทำลาย หรือได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบริเวณใกล้ชายแดนติดกับประเทศอียิปต์ กับชานเมืองทางเหนือและใต้.

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc