ยูเครนตอบโต้รัสเซียหนัก ส่งฝูงโดรนพิฆาตกว่า 100 ลำ โจมตีสนามบิน 4 แห่งในแคว้นคูสค์ และแคว้นใกล้เคียง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย จนนับเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุด หลังส่งทหารบุกข้ามพรมแดนรัสเซียเข้ามาทางแคว้นคูสค์ จนต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

เมื่อ 15 ส.ค. 2567 สถานการณ์กองทัพยูเครนบุกโจมตีรัสเซียตึงเครียดมากขึ้น หลังรัสเซียทำสงครามในยูเครนดำเนินมาถึงวันที่ 902 โดยกองทัพยูเครนได้ระดมส่งฝูงโดรนพิฆาตโจมตีสนามบิน 4 แห่งในแคว้นคูสค์, โวโรเนจ และนิจนีนอฟโกรอด ดินแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ซึ่งนับเป็นการส่งโดรนพิฆาตมาโจมตีดินแดนรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ยูเครนเปิดฉากตอบโต้รัสเซีย หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ทำสงครามในยูเครนเมื่อ ก.พ. 2565 ขณะที่กำลังทหารยูเครนยังสามารถบุกเข้าไปในดินแดนแคว้นคูสค์ของรัสเซียได้ลึกมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน เผยแพร่คลิปวิดีโอ สดุดีปฏิบัติการส่งโดรนพิฆาตโจมตีเป้าหมายสนามบิน 4 แห่งในแคว้นคูสค์ โดยชี้ว่าเป็นการโจมตีที่แม่นยำ ทันเวลาและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ ประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในปฏิบัติการโจมตีแคว้นคูสค์ โดยกำลังทหารยูเครนสามารถจับกุมทหารรัสเซียที่ยอมจำนนได้นับ 100 นาย และสามารถทำลายเครื่องบินขับไล่ไอพ่นของรัสเซียได้หนึ่งลำ

แหล่งข่าวหน่วยงานความมั่นคงของยูเครน เปิดเผยกับ CNN ว่า กองทัพยูเครนได้ส่งโดรนพิฆาต-อากาศยานไร้คนขับ 117 ลำ และยิงขีปนาวุธทางยุทธวิธี 4 ลูกไปโจมตีแคว้นคูสค์ และแคว้นเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน โดยผู้ว่าการแคว้นโวโรเนซแจ้งผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรมว่า มีโดรนกว่า 35 ลำ ถูกทหารรัสเซียสกัดตกเหนือแคว้นโวโรเนซ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย 

...

ทั้งนี้ เมื่อวันพุธที่ 14 ส.ค. 2567 ประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้แจ้งว่า ทหารยูเครนกำลังรุกคืบเข้าไปในแคว้นคูสค์ได้ลึกมากขึ้นเรื่อยๆ และสามารถยึดครองพื้นที่ในแควนคูสค์ได้อย่างน้อย 1,000 ตารางกิโลเมตรแล้ว หลังจากเปิดฉากโจมตีตอบโต้กลับบุกข้ามพรมแดนรัสเซียเข้าไปในแคว้นคูสค์ตั้งแต่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตามรัฐบาลรัสเซียแย้งว่าดินแดนในแคว้นคูสค์ที่ถูกทหารยูเครนยึดได้นั้นความจริงแล้วเป็นแค่เพียงประมาณครึ่งเดียวจากที่ยูเครนกล่าวอ้าง ขณะเดียวกันรัสเซียยังสามารถขัดขวางความพยายามของยูเครนที่พยายามบุกเข้าไปในพื้นที่ 5 แห่งในแคว้นคูสค์ 

และจากปฏิบัติการทางทหารของกองทัพยูเครนที่ส่งกำลังทหารกว่า 1,000 นาย รถถัง 11 คัน และรถหุ้มเกราะมากกว่า 20 คัน บุกข้ามพรมแดนเข้ามาในแคว้นคูสค์ของรัสเซีย ทำให้ นายอเล็กเซ สเมอร์นอฟ รักษาการผู้ว่าการแคว้นคูสค์ ได้ประกาศฉุกเฉินในแคว้นคูสค์ เมื่อ 7 ส.ค. และต่อมาผู้ว่าการแคว้นเบลโกรอดได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อ 13 ส.ค. เนื่องจากถูกทัพยูเครนโจมตีหนักอย่างต่อเนื่อง.

ที่มา : CNNAljazeera