ประเทศไนเจอร์ประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับยูเครนแล้ว ตามรอยประเทศมาลีที่ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ โดยพวกเขากล่าวหาว่า เคียฟมีส่วนทำให้ทหารมาลีหลายสิบนายถูกสังหารเมื่อเดือนก่อน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลทหารของประเทศมาลีประกาศในวันอังคารที่ 7 ส.ค. 2567 ว่า ประเทศของพวกเขาตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับยูเครนแล้ว เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง มาลี ที่ตัดสัมพันธ์กับยูเครนไปเมื่อ 2 วันก่อนหน้านี้

ความเคลื่อนไหวของทั้งไนเจอร์และมาลี สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งทหารของประเทศมาลี ร่วมกับทหารรับจ้างจากกลุ่ม “วากเนอร์” (Wagner) ของรัสเซีย ถูกสังหารไปหลายสิบศพระหว่างการปะทะกับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน และกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลเคดา

หลังจากกลุ่มวากเนอร์ออกมายืนยันเรื่องความสูญเสียในการโจมตีเมื่อเดือนกรกฎาคม นายอันเดรย์ ยูซอฟ โฆษกหน่วยข่าวกรองของกองทัพรัสเซีย ก็ออกมาบอกว่า ฝ่ายกบฏได้รับข้อมูลจำเป็นที่พวกเขาต้องใช้เพื่อการโจมตีดังกล่าว โดยไม่อธิบายรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม

คำพูดของนายยูซอฟทำให้รัฐบาลมาลีกล่าวหายูเครนว่า ละเมิดอธิปไตยของพวกเขา และประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับยูเครนโดยมีผลในทันที ขณะที่ไนเจอร์เจริญรอยตามในวันอังคาร โดยนาย อามาดู อับดรามาเน โฆษกรัฐบาลไนเจอร์กล่าวว่า คำพูดของนายยูซอฟเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้

ขณะที่ เซเนกัล อีกหนึ่งประเทศเพื่อนบ้านของมาลีก็ออกมาประณามยูเครนเช่นกัน โดยกระทรวงต่างประเทศเรียกตัวนาย ยูรี ปีโววารอฟ เอกอัครราชทูตยูเครนเข้าพบเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กล่าวหาเขาว่าสนับสนุนการโจมตีของกบฏในมาลีเมื่อเดือนกรกฎาคม ผ่านวิดีโอที่โพสต์บนเฟซบุ๊กของสถานทูต ซึ่งตอนนี้ถูกลบไปแล้ว

...

ด้านยูเครนยังไม่แสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจตัดความสัมพันธ์ของไนเจอร์ แต่พวกเขาเรียกการตัดสินใจของมาลีว่าเป็นความ “หุนหันพลันแล่นและไม่รอบคอบ” พร้อมระบุว่า ยูเครนปฏิบัติการตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างไม่มีเงื่อนไข และกล่าวทหารรับจ้างรัสเซียว่าก่ออาชญากรรมสงครามมากมายในประเทศแถบแอฟริกา

ส่วนรัสเซียก็ออกมาผสมโรงทันที โดยกล่าวหายูเครนว่า กำลังเปิดแนวหน้าการปะทะแห่งที่ 2 ในแอฟริกา “รัฐบาลเซเลนสกีกำลังชักนำกลุ่มก่อการร้ายในประเทศต่างในทวีปแอฟริกาซึ่งเป็นมิตรกับมอสโก” น.ส.มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศในแอฟริกาอย่าง มาลี, ไนเจอร์ และบูร์กินาฟาโซ ตีตัวออกห่างชาติตะวันตกและหันหน้าเข้าหารัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆ โดยทั้ง 3 ประเทศล้วนเพิ่งเกิดการรัฐประหาร และรัฐบาลใหม่ของพวกเขาภายใต้การควบคุมของกองทัพ ก็ฉีกสัญญาความมั่นคงที่เคยทำไว้กับฝรั่งเศสและสหรัฐฯ และขอความช่วยเหลือทางทหารจากรัสเซีย

ในขณะที่ความนิยมของรัสเซียในแอฟริกาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายยูเครนก็พยายามผูกมิตรกับชาติแอฟริกามากขึ้น โดยนายดีมีโตร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศยูเครน เพิ่งเดินทางไปเยือนแอฟริกาเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 2 ปี โดยคราวนี้ไปเยือน มาลาวี, แซมเบีย และมอริเชียส

แต่เหตุการณ์ล่าสุดนี้แสดงให้เห็นรอยร้าวที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างชาติแอฟริกากับยูเครน โดยตอนนี้ยังบอกได้ยากว่า ชาติแอฟริกาตะวันตกอื่นๆ จะตัดสัมพันธ์กับเคียฟตามรอยมาลีและไนเจอร์หรือไม่ โดยนักวิเคราะห์มองว่า พวกเขาอาจกำลังรอปฏิกิริยาจากบูร์กินาฟาโซ ซึ่งจับมือเป็นกลุ่มเดียวกันกับไนเจอร์ และมาลี เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาก ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc