ด้วยพฤติกรรมและทัศนคติบ้าระห่ำที่สุดจะคาดเดาใจได้ยาก อะไรทำให้ “โดนัลด์ ทรัมป์” ถูกมองว่าเขาสมควรจะกลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองของสหรัฐอเมริกา แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นตัวอันตรายและมีหัวใจเผด็จการแบบเดียวกับพวกนาซีในเยอรมนี

“โดนัลด์ ทรัมป์” จุดพลุให้ตัวเอง ด้วยการสร้างวาทกรรมดุเดือดเผ็ดร้อนเป็นที่สะใจคนรากหญ้าชาวมะกัน เปิดฉากหาเสียงปั๊บ เขาก็ประกาศว่า ถ้ากลับสู่ทำเนียบขาวได้อีกครั้ง จะไล่ล่าคนที่ต่อต้านทรัมป์ และขจัดพวกที่เป็นภัยต่ออเมริกาให้สิ้นซาก พร้อมตราหน้าผู้อพยพเข้าเมืองว่าเป็นพิษต่อเลือดของสหรัฐอเมริกา

คนรักทรัมป์เชื่อสุดใจว่า ถ้าทรัมป์ชนะเลือกตั้ง อเมริกาจะกลับมามั่งคั่งและเป็นประเทศที่เข้มแข็ง เหมือนในยุคที่ทรัมป์บริหารประเทศในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 อเมริกามีเศรษฐกิจดี, อัตราการว่างงานต่ำ, เงินเฟ้อต่ำ และราคาเชื้อเพลิงถูก ตรงข้ามกับยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่สนับสนุนสงครามในยูเครน และสงครามอิสราเอล-ฮามาส ทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงทั่วโลก และเงินเฟ้อทะยานสูงสุดในรอบ 40 ปี

แม้ “โดนัลด์ ทรัมป์” จะเป็นประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ของอเมริกาที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดทางอาญาหลายกระทง และยังติดคดีฟ้องร้องยาวเป็นหางว่าว รวมถึงคดียัดเงินปิดปากนักแสดงหนังโป๊เพื่อให้หยุดออกมาเปิดโปงเรื่องการมีสัมพันธ์ชู้สาว แต่นักทำโพลมือฉมังอย่าง “แฟรงค์ แลนซ์” กลับมองว่า นี่คือการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เพราะทรัมป์สามารถเล่นบทเป็นเหยื่อที่กำลังถูกประหัตประหารจากลัทธิไล่ล่าแม่มด โดยทุกครั้งที่เขาถูกตั้งข้อหาเพิ่ม คะแนน นิยมมักจะพุ่งสูงขึ้น และไม่ว่าจะถูกถอนสิทธิในการเลือกตั้งจากรัฐไหน คะแนนนิยมก็พุ่งสวนกระแสทันที เรียกว่าใครเล่นงานทรัมป์ เขาจะฉวยโอกาสเรียกคะแนนสงสาร ล่าสุด ตอนถูกลอบยิงขณะขึ้นกล่าวปราศรัย ทรัมป์พลิกบทกลายเป็นฮีโร่หนังเหนียวทันที โกยคะแนนนิยมอื้อซ่าส์ จนคู่แข่ง “ลุงโจ ไบเดน” ต้องยอมถอนตัวจากการแข่งขัน

...

หากได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง “โดนัลด์ ทรัมป์” สัญญิงสัญญาอะไรไว้บ้าง สิ่งแรกที่จะทำคือ “ด้านการตรวจคนเข้าเมือง” เขาจะกำจัดสมาชิกแก๊งอาชญากรรม, ผู้ค้ายาเสพติด และพันธมิตรของมาเฟียออกจากสหรัฐอเมริกา ผ่านการใช้พระราชบัญญัติศัตรูต่างด้าว โดยจะดำเนินการส่งตัวชาวต่างชาติกลับประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา นอกจากนี้ทรัมป์ยังประกาศทำสงครามกับกลุ่มค้ายาเสพติด โดยจะขอให้สภาคองเกรสผ่านมติให้ผู้ลักลอบขนยาเสพติดและผู้ค้ามนุษย์ต้องรับโทษประหารชีวิต ขณะเดียวกันก็เตรียมโค่นแก๊งค้ายา ด้วยการใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเรือกับกลุ่มค้ายา, ตัดการเข้าถึงระบบการเงินทั่วโลกของพวกค้ายา และใช้กองกำลังพิเศษภายในกระทรวงกลาโหมเพื่อเด็ดหัวผู้นำแก๊ง

“ด้านการศึกษา” ทรัมป์ประกาศว่าจะปิดกระทรวงศึกษาธิการ และส่งมอบงานด้านการศึกษาทั้งหมดกลับไปให้แต่ละรัฐดูแลกันเอง โดยเขาจะตัดเงินทุนสำหรับโรงเรียนที่สอนทฤษฎีวิพากษ์เชื้อชาติและอุดมการณ์ทางเพศ ตลอดจนกำจัดแนวคิดมาร์กซิสต์หัวรุนแรงออกจากระบบการศึกษาและระบบยุติธรรมของประเทศ แล้วฟื้นค่านิยมอันดีงามของอเมริกากลับคืนมา

“ด้านสาธารณสุข” ทรัมป์สัญญาว่าจะยกเลิกโอบามาแคร์ และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพคนอเมริกันให้ดีกว่าในยุคโอบามาเป็นอันดับแรก โดยอเมริกาจะมีแผนรักษาพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก

“ด้านต่างประเทศ” การกลับมาของทรัมป์จะทำให้สงครามยูเครนกับรัสเซียยุติลง โดยเขาให้คำมั่นว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 วัน หลังได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี พร้อมขู่ถอนตัวจากนาโต และห้ามบุคคลประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐอเมริกา ส่วน “ด้านพลังงาน” ทรัมป์ประกาศว่าจะลดราคาพลังงาน, เพิ่มการผลิตในประเทศ และยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกก๊าซธรรมชาติ

ทรัมป์ยังขายฝันคนรุ่นใหม่ โดยสัญญาว่าจะ “สร้างเมืองใหม่ 10 เมือง” บนที่ดินของรัฐบาลกลาง เพื่อมอบโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ
ให้หนุ่มสาว พร้อมเดินหน้าพัฒนารถบินได้เอาชนะจีน ขณะเดียวกัน เขาจะเลิกกฎควบคุมมลพิษ และนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของ “โจ ไบเดน” ซึ่งเป็นตัวการทำลายอุตสาหกรรมรถยนต์ดั้งเดิมของอเมริกา

ในยุคของทรัมป์ ชาวมะกันจะเสียภาษีลดลง แต่ไปเก็บภาษีนำเข้า สินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น พร้อมงัดบทลงโทษทางการค้าที่รุนแรงต่อจีน โดยยกเลิกการนำเข้าสินค้าจำเป็นจากจีนทั้งหมด, ไม่ให้จีนซื้อสินค้าอเมริกา, หยุดการลงทุนของบริษัทสหรัฐฯในจีนทั้งหมด และตั้งกำแพงภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น 60%...เมื่อ “ยุคอเมริกาต้องมาก่อน” กลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง พวกเราชาวโลกก็เตรียมผวาได้เลย!!

มิสแซฟไฟร์

คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม