นักวิทยาศาสตร์ยืนยัน ซากวาฬปริศนาที่พบเกยตื้นตายที่นิวซีแลนด์เมื่อช่วงต้นเดือน คือวาฬสายพันธุ์หายากที่สุดในโลก ซึ่งยังไม่เคยมีใครเห็นตอนมีชีวิตมาก่อน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 16 ก.ค. 2567 ว่า นักวิทยาศาสตร์ของประเทศนิวซีแลนด์ยืนยันว่า ซากวาฬปริศนาความยาว 5 เมตร ซึ่งถูกพบเกยตื้นตายบริเวณชายหาดใกล้ปากแม่น้ำ ‘ไทอารี’ (Taiari) ในภูมิภาคโอตาโก ทางตอนใต้ เมื่อ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นซากของวาฬฟันจอบ (spade-toothed whale) สายพันธุ์หายาก ซึ่งไม่มีใครเคยเห็นตอนมันยังมีชีวิตมาก่อน

ตัวตนของซากวาฬปริศนานี้ ได้รับการยืนยันโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล จากสำนักงานอนุรักษ์แห่งนิวซีแลนด์ และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ‘เต ปาปา’ (Te Papa) โดยใช้วิธีตรวจสอบจากสีของลวดลาย, รูปทรงของกะโหลก, จะงอยปาก และ ฟัน ก่อนจะพบว่ามันคือวาฬฟันจอบเพศผู้

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจสอบรหัสพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ โดยซากวาฬถูกเก็บในตู้แช่เย็น และตัวอย่างก็ถูกส่งไปยังมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลหน่วยเก็บข้อมูลเนื้อเยื่อสัตว์จำพวกวาฬแห่งนิวซีแลนด์แล้ว เพื่อยืนยันตัวตนของมันเป็นขั้นสุดท้าย

แต่พวกเขาอาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน เนื่องจากในโลกนี้มีตัวอย่างวาฬฟันจอบถูกพบน้อยมาก และนักวิทยาศาสตร์ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับมันไม่มากนัก

“วาฬฟันจอบเป็นหนึ่งในสายพันธุ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่รู้จักน้อยที่สุดในโลกยุคสมัยใหม่” ดร.เกบ เดวีส ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการชายฝั่งโอตาโก ของสำนักงานอนุรักษ์ของนิวซีแลนด์ กล่าว “นับตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1800 มีตัวอย่างวาฬสายพันธุ์นี้ถูกบันทึกไว้เพียง 6 ตัวทั่วโลก และ 5 จากทั้งหมดพบที่นิวซีแลนด์”

...

อนึ่ง การมีอยู่ของวาฬฟันจอบถูกบันทึกไว้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1874 หลังมีการค้นพบกรามล่าง ซึ่งมีฟัน 2 ซี่ ของวาฬปริศนาที่เกาะแชทัม ก่อนจะมีการพบกะโหลกอีก 2 ชิ้นนอกเกาะของนิวซีแลนด์กับชิลี ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถยืนยันได้ว่า นี่เป็นวาฬสายพันธุ์ใหม่

จากนั้นจึงมีการพบซากวาฬสายพันธุ์นี้ 2 ตัว เกยตื้นตายบนเกาะนอร์ท ของนิวซีแลนด์ ในปี 2553 และ 2560 แต่ซากวาฬเหล่านั้นเน่าเปื่อยอย่างหนักแล้ว

สำนักงานอนุรักษ์บอกอีกว่า ซากวาฬฟันจอบที่ถูกพบล่าสุดนี้ สมบูรณ์มากพอให้นักวิทยาศาสตร์มีโอกาสได้ผ่าชันสูตรเป็นครั้งแรก ซึ่งมันอาจช่วยให้พวกเขาค้นพบข้อมูลใหม่ๆ ที่สำคัญเกี่ยวกับวาฬสายพันธุ์นี้

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc