เจ้าหน้าที่จีนกำลังเร่งหาทางหยุดยั้งเหตุน้ำท่วม หลังจากทำนบกั้นน้ำในภาคกลางของประเทศแตก ท่ามกลางปัญหาสภาพอากาศสุดขั้วในช่วงฤดูร้อนมากมายที่พวกเขากำลังเผชิญ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทำนบกั้นน้ำบริเวณทะเลสาบตงถิง (Dongting) ในมณฑลหูหนาน ตอนกลางของประเทศจีน พังทลายเป็นระยะทางยาวถึง 226 ม. ส่งผลให้มวลน้ำปริมาณมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่เพาะปลูกและบ้านเรือนประชาชน กินพื้นที่ 47.64 ตร.กม. ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 5 ม. ทำให้ต้องอพยพประชาชนเกือบ 6,000 คน

เหตุทำนบแตกเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 5 ก.ค. 2567 โดยในวันเสาร์เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งหาทางยับยั้งน้ำท่วม ด้วยการขนหินและกระสอบทรายมาอุดรูรั่ว ซึ่งเชื่อว่าอาจต้องใช้หินถึง 100,000 ลบ.ม. จึงจะสามารถอุดช่องว่างขนาดใหญ่นี้ได้

ด้านศูนย์สังเกตการจราจรของจีนระบุในวันเสาร์ว่า พวกเขาต้องออกคำสั่งควบคุมการจราจรบนถนนทุกสายทั้งขาเข้าและขาออกจากเขต หัวหรง ซึ่งมีประชากรมากกว่าครึ่งล้าน เนื่องจากจำเป็นต้องมีการป้องกันน้ำท่วม ทำให้ยานพาหนะที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจไม่สามารถเดินทางผ่านได้

...

ขณะที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานกู้ภัยและบรรเทาทุกข์อย่างเต็มที่ เพื่อช่วยชีวิตของประชาชนและทรัพย์สินที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยกระทรวงจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินส่งเจ้าหน้าที่ไปแล้วมากกว่า 800 นาย รถยนต์อีกเกือบ 150 คัน, เรืออีกหลายสิบลำ เพื่อช่วยอุดทำนบและช่วยงานบรรเทาทุกข์

นอกจากนั้น รัฐบาลกลางของจีนยังจัดงบประมาณเพิ่มเติม 540 ล้านหยวน (ราว 2,715.6 ล้านบาท) เพื่อเป็นทุนสำหรับการบรรเทาทุกข์ในมณฑลหูหนานและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติแห่งอื่นๆ ด้วย

ทั้งนี้ ประเทศจีนกำลังเผชิญภาวะสภาพอากาศสุดขั้วในช่วงฤดูร้อน ทั้งเหตุน้ำท่วมทั่วภาคกลางและภาคใต้ ในขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคเหนือกำลังรับมือกับคลื่นความร้อนหลายระลอก

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนต้องอพยพประชาชนกว่า 2.5 แสนคนในภาคตะวันออก เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้แม่น้ำแยงซีเกียงล้นตลิ่ง ส่วนมณฑลหูหนานก็เพิ่งเจอน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มเมื่อเดือนก่อน จนมีผู้เสียชีวิตมากมาย ที่มณฑลกวางตุ้งก็เกิดน้ำท่วมรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตถึง 38 ศพ

ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากพายุทอร์นาโดที่พัดถล่มมณฑลซานตงทางตะวันออกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็เพิ่มขึ้นจาก 1 ศพ เป็น 5 ศพแล้วในวันเสาร์ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cna