เทสลาเผยยอดจำหน่ายรถยนต์อีวีทั่วโลก ลดลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน แม้ว่าจะมีการลดราคาให้แก่ลูกค้า ซึ่งเทสลามองว่า เป็นอีกหนึ่งสัญญาณความต้องการในตลาดยานพาหนะไฟฟ้าโดยรวมที่ลดลง
เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2567 สำนักข่าว CNN รายงานว่า บริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้า "เทสลา" (Tesla) ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ของสหรัฐฯ เผยยอดจำหน่ายรถยนต์อีวีทั่วโลก ลดลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน แม้ว่าจะมีการลดราคาและมอบข้อเสนอทางการเงินดอกเบี้ยต่ำให้แก่ลูกค้า ซึ่งเทสลามองว่า เป็นอีกหนึ่งสัญญาณความต้องการในตลาดยานพาหนะไฟฟ้าโดยรวมที่ลดลง
โดยเทสลาระบุว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายน ที่ผ่านมาอยู่ที่ 443,956 คัน ลดลง 4.8% จากจำนวนยอดขาย 466,140 คัน ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว หลังความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกกำลังชะลอตัว แต่สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ยังคงมียอดขายที่ดีต่อเนื่อง ขณะที่เทสลาซึ่งมีรถอีวีรุ่นเก่า และราคาขายเฉลี่ยค่อนข้างสูงกว่าเจ้าอื่น ได้พยายามดิ้นรนมากกว่าผู้ผลิตรายอื่น อย่างไรก็ตาม เทสลายังคงรักษาตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดของโลกไว้ได้
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี เทสลามียอดขายมากกว่า 910,000 คันทั่วโลก แซงหน้าบีวายดีของจีนที่ขายได้ 726,153 คัน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ยอดขายรถเทสลาสะท้อนความสำเร็จของรัฐบาลต่างๆ ที่จะพึ่งพารถยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดก๊าซเรือนกระจก และต่อสู้กับภาวะโลกร้อน.