ก่อนหน้าที่ “น้องลิซ่า” จะปล่อยเพลง ROCKSTAR ไปทั่วโลก เมื่อเวลา 2 ทุ่มของวันศุกร์ที่แล้วตามเวลาสหรัฐฯ 1 วัน...มีการเปิดเวที “ดีเบต” เชิญ 2 ตัวแทนพรรคใหญ่ที่จะลงสมัครเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯงวดนี้มาแสดงวิสัยทัศน์ที่ห้องส่งของเครือข่ายโทรทัศน์ CNN ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศและทั่วโลก

ทั้งตัวแทนพรรคเดโมแครต ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ครองตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันและผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ต่างเดินทางมาร่วมดีเบตตามนัดหมายใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยมี 2 พิธีกรดัง เจค แทปเปอร์ และ ดานา แบช ผลัดกันตั้งคำถาม

ซีเอ็นเอ็น แถลงในวันต่อมาว่ามีผู้ชมดีเบตครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ทั้งสิ้น 47.9 ล้านคน ลดลงจากยอดผู้ชม 73 ล้านคน ในการดีเบตเมื่อ ค.ศ.2020 อย่างฮวบฮาบ

คอลัมนิสต์รวมถึงความเห็นจากบทบรรณาธิการของสื่อใหญ่ต่างๆ รวม นิวยอร์กไทม์ส กับ ยูเอสเอ-ทูเดย์ ด้วย ยกให้ ทรัมป์ เป็นฝ่ายชนะ ส่วนบางสำนักที่ยังเอาใจช่วยพรรคเดโมแครตอยู่ โดยเฉพาะ แอลเอไทม์ส โต้แย้งว่า ทรัมป์ ไม่ได้ “ชนะ” ดีเบตหรอก เพียงแต่ ไบเดน เป็นฝ่าย “แพ้” ที่ค่อนข้างชัดเจน

โพล ของ CNN เองที่สำรวจทันทีที่ดีเบตจบ ระบุว่าร้อยละ 67 เห็นว่าทรัมป์ชนะและร้อยละ 33 มองว่าไบเดนเป็นฝ่ายชนะ

มีรายงานว่า ทรัมป์ ใช้เวลาในการพูดและตอบคำถามรวม 40 นาที กับ 12 วินาที มากกว่า ไบเดน ที่ใช้เวลา 35 นาที 41 วินาที โดยทางฝ่าย ทรัมป์ มักพูดนอกประเด็นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของเวลาที่ใช้และ ไบเดน นอกประเด็นราวๆ 30 เปอร์เซ็นต์ของเวลาที่ใช้

ในระหว่างดีเบตทั้ง 2 ฝ่ายมีการโจมตีในประเด็น “ส่วนบุคคล” คนละหลายๆครั้ง...โดย ทรัมป์ เป็นฝ่ายใช้วาทะเล่นงานแบบเสียดสี หรือทิ่มแทงถึง 106 ครั้ง ในขณะที่ ไบเดน ก็ซัดกลับ 72 ครั้ง

...

นิวยอร์กไทม์ส สื่อทรงอิทธิพลของสหรัฐฯระบุว่าการโจมตีบาง ประเด็นของ ทรัมป์ เป็นการอ้างลอยๆแบบไม่มีหลักฐาน และหลายๆ ประเด็นก็ผิดข้อเท็จจริงด้วย แต่ผู้ดำเนินรายการก็มิได้ทักท้วงให้แก้ไข

นิวยอร์กไทม์ส ตำหนิ ทรัมป์ ว่า “โจมตีแบบทำให้คนเข้าใจผิด” และใช้ข้อมูลที่ไม่จริง แต่ขณะเดียวกันก็สรุปถึงฟอร์มการดีเบตของประธานาธิบดีไบเดนว่า “วกวน ตะกุกตะกัก และอํ้าๆอึ้งๆ”

ในวันรุ่งขึ้น บทบรรณาธิการ ของนิวยอร์กไทม์สก็เสนอว่า พรรคเดโมแครตควรรับความจริงได้แล้วว่า ณ นาทีนี้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะเอาชนะ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้

ไทม์สระบุว่า ไบเดนวันนี้กับเมื่อ 4 ปีที่แล้วต่างกันแบบคนละคน

การเปลี่ยนคนใหม่ลงแทน เช่น นาง คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีปัจจุบัน หรือ นาย แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือนาง เกรทเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน ฯลฯ ยังจะมีโอกาสชนะมากกว่า

พรรคเดโมแครตจะตัดสินใจอย่างไรคงต้องติดตามต่อไป แต่ตัวไบเดนเองยังเชื่อว่าท่านสู้ได้และมีวิธีของท่านที่จะเอาชนะทรัมป์

ท่านยอมรับว่าท่านพูดจาเชื่องช้าลง คิดช้าลง ดีเบตได้ไม่รวดเร็ว คล่องแคล่วเหมือนสมัยก่อน...แต่ท่านก็ยังพร้อมที่จะสู้ต่อไป

ประธานาธิบดีไบเดน อายุ 82 ปีแล้วปีนี้ แต่ดูเหมือนอายุใกล้ 90 ปี คือมีอาการซึมๆ เชื่องช้า พูดผิด พูดถูก และใช้เวลาคิดนานมาก

ทรัมป์ อายุ 76 ปี แต่ดูเหมือนยังหนุ่ม พูดจาได้คล่องแคล่วโผงผาง เสียอย่างเดียวมักจะพูดไม่จริง อ้างข้อมูลไม่จริงและผิด ด้วย อย่างที่นิวยอร์กไทม์สตั้งข้อสังเกต

จึงเป็นเรื่องน่าเศร้าและน่าห่วงสำหรับโลกเรานับแต่นี้เป็นต้นไปอย่างมาก...เมื่อมองว่า “ผู้นำ” ของสหรัฐฯ “พี่เบิ้ม” ใหญ่ของโลกอาจเป็น “คนแก่” ที่ปํ้าๆเป๋อๆ หรือ “คนใกล้แก่” ที่มีอารมณ์ มีแผลเต็มตัว หลังการเลือกตั้ง 5 พ.ย.ปีนี้

คิดแล้วก็อดกลุ้มใจมิได้ครับ เพราะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ก็กระทบมาถึงเมืองไทยของเราทั้งนั้นแหละ...

มาเปิดเพลง ROCKSTAR ของน้องลิซ่าฟังบ้างเต้นบ้างกัน ดีกว่าครับ...นอกจากจะช่วยให้เราหายเครียดจากเรื่องทรัมป์เรื่องไบเดนแล้วยังเป็นการปั่นยอดวิวให้น้องด้วย...ผ่าน 48 ชั่วโมงไปแล้ว ได้มากว่า 48 ล้านวิวแล้ว...มาช่วยกันปั่นต่อไปเพื่อน้องลิซ่าของเรา.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม