ตอนผมยังเด็ก พ่อเคยพาไปฟังนักการเมืองผู้ใหญ่ท่านหนึ่งปราศรัยที่ท้องสนามหลวง คำพูดคำจาของนักการเมืองผู้ใหญ่ท่านนั้นรวดเร็ว เฉียบคม ทำให้คนฟังประทับใจมาก
วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปเกือบ 20 ปี ผมมีโอกาสพบท่านผู้ใหญ่ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง เจ้าภาพเชิญท่านไปพูดบนเวที คราวนี้ฟังแล้วท่านผิดไปจากเดิมมาก ท่านเดินอย่างช้าๆ เมื่อจับไมค์แล้วก็พูดไม่ออก อึกๆ อักๆ เก๊อะๆ ก๊ะๆ คนข้างล่างต้องลุ้นเพื่อให้ท่านพูดจนจบประโยค การพูดในที่สาธารณะของท่านไม่เหมือนเดิม
อายุและสุขภาพเป็นตัวแปรที่สำคัญสำหรับนักการเมือง อย่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ผู้แทนจากพรรคการเมืองหลักแก่ด้วยกันทั้งคู่ โจ ไบเดน จากพรรคเด็มโมแครต เกิด ค.ศ.1942 ปัจจุบันอายุ 82 ปี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เกิด ค.ศ.1946 ปัจจุบันอายุ 78 ปี
27 มิถุนายน 2024 มีการดีเบตยกแรกระหว่างไบเดนและทรัมป์ เป็นการประชันวิสัยทัศน์ในฐานะ ‘ว่าที่ตัวแทน’ พรรคเด็มโมแครตและพรรครีพับลิกัน พวกที่ลุ้นเด็มโมแครตไม่สบายใจที่เห็นสุขภาพไบเดนแย่ลงอย่างชัดเจน เดินสะดุดประตูสตูดิโอสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง มีอาการเหม่อลอย จะตอบคำถาม อะไรก็ต้องใช้เวลาคิดอยู่นาน สมองไม่ว่องไว การตัดสินใจไม่ชัดเจน
ที่น่าตกใจก็คือไบเดนใช้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ผิดเพี้ยนไป จนทรัมป์ต้องแซวว่า ผมไม่รู้ว่าไบเดนพูดอะไรตอนท้ายประโยค ผมไม่คิดว่าเขา (ไบเดน) รู้ว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่ด้วยเหมือนกัน
อาการของไบเดนน่าเป็นห่วง ความเฉื่อยชาทางความคิดและสุขภาพที่ไม่พร้อมทำให้พวกเด็มโมแครตจำนวนไม่น้อยเกิดอาการตระหนกตกใจและหลายคนเริ่มกดดันให้ไบเดนถอนตัวจากการเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ปรึกษาฝ่ายรณรงค์หาเสียง ของเด็มโมแครตคนหนึ่งบอกว่า เกมจบแล้ว ไบเดนต้องไปแล้ว และต้องไปในตอนนี้ หากไบเดนยังอยู่พวกเราจะแย่กัน ทั้งหมด
...
หลังจากการดีเบตครั้งแรกจบลง ผู้สนับสนุนทางการเงินของพรรค เด็มโมแครตเตรียมเข้าพบนายแฮร์ริสัน ประธานคณะกรรมการแห่งชาติ ของพรรคเด็มโมแครต เพื่อพูดคุยหารือเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในการดีเบต
การดีเบตของไบเดนและทรัมป์ทำให้ผมนึกถึงบิล คลินตัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 42 ของพรรคเด็มโมแครต คลินตันเกิด ค.ศ.1946 (ปีเดียวกับทรัมป์) ได้รับเลือกเป็นอัยการประจำรัฐอาร์คันซอเมื่ออายุ 30 ปี เป็นผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอเมื่ออายุ 32 ปี และเป็นผู้ว่าการรัฐถึง 5 สมัย
ค.ศ.1991 ตอนนั้นคลินตันอายุ 45 ปี แกเสนอตัวเองให้พรรคคัดเลือกเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คลินตันเลือกอัล กอร์ ซึ่งเกิด ค.ศ.1947 ตอนนั้นอัล กอร์อายุเพียง 44 ปี ร่วมหาเสียงในตำแหน่งรองประธานาธิบดี
ผู้อ่านท่านคงจินตนาการออกนะครับ ว่าคนหนุ่มอายุ 44 และ 45 ปี ออกไปหาเสียงที่ไหน ใช้คำพูดคำจาที่เฉียบแหลม สมองคล่อง แคล่วว่องไว ในที่สุดก็ชนะอดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุช ผู้พ่อ ซึ่งเกิด ค.ศ.1924 ตอนที่หาเสียงแข่งกับคลินตัน บุช อายุ 67 ปีแล้ว
สมัยคลินตันเป็นผู้นำประเทศครั้งแรก คนอเมริกันเฮมาก คลินตันผลักดันกฎหมายหลายฉบับที่เอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนามาตรฐานการครองชีพและกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน ไม่ว่าจะเป็น การลดภาษีสำหรับธุรกิจขนาดย่อมและคนจน ตัดรายจ่ายของรัฐเพื่อไม่ให้งบประมาณเกินดุล ปฏิรูปสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลและการศึกษา ในด้านการต่างประเทศ คลินตันให้ความช่วยเหลือรัสเซีย (ซึ่งแตกมาจากโซเวียตในปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี)
ปกติเด็มโมแครตมักจะส่งคนหนุ่มไปแข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี อย่างบารัค โอบามา เกิด ค.ศ.1961 ตอนที่หาเสียงชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อายุ 47 ปี (โจ ไบเดนเป็นรองประธานาธิบดี) แต่พอมายุคนี้ เด็มโมแครตกลับส่งคนอายุ 82 ปีที่สุขภาพไม่ดีไปลงแข่ง ซึ่งโอกาสที่จะชนะมีน้อยมาก
คนที่เป็นผู้นำประเทศใหญ่ซึ่งเป็นมหาอำนาจชาติเบอร์หนึ่งของโลกอย่างสหรัฐฯ ต้องสมาร์ท ฉลาด เฉียบแหลม ฉับไว แต่ไบเดนกลับตรงกันข้าม.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com