สถานีรถไฟใต้ดินที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างที่เมืองเฉิงตูของจีนพังถล่ม ทำให้เกิดหลุมยุบขนาดใหญ่บนถนน
สื่อจีนรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.50 น. ของวันนี้ (21 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เกิดเหตุถนนแห่งหนึ่งพังถล่มบริเวณสถานที่ก่อสร้างรถไฟใต้ดินสาย 13 ในเมืองเฉิงตู
บัญชีเว่ยป๋ออย่างเป็นทางการของโครงการก่อสร้างรถไฟ ระบุว่า การถล่มดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ก่อสร้างของสถานีถนนเสี่ยวหนาน และมีสาเหตุมาจากท่อน้ำแตก
ประชาชนรายหนึ่งที่อยู่ใกล้ถนนที่เกิดอุบัติเหตุ กล่าวว่า เธอและครอบครัวได้ยินเสียงดังสนั่นในช่วงเช้า ต่อมาสามีของเธอมองผ่านหน้าต่างออกไป พบว่ามีหลุมขนาดใหญ่อยู่ที่ถนน ขณะที่ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงจำนวนมาก กล่าวว่าหลังเกิดอุบัติเหตุ พวกเขาได้รับการแจ้งเตือนให้อพยพออกจากที่อยู่อาศัยชั่วคราว
เจ้าของร้านอาหารรายหนึ่งใกล้กับจุดเกิดเหตุ ระบุว่า น้ำ ไฟฟ้า และแก๊สในร้านอาหารถูกตัดขาดทันทีหลังถนนถล่ม โดยระบบประปาและไฟฟ้ากลับมาเป็นปกติในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ถนนถูกปิด และไม่อนุญาตให้ยานยนต์ หรือยานพาหนะผ่าน มีเพียงคนเดินเท้าเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้
ตามรายงานก่อนหน้านี้ของสื่อท้องถิ่น โครงการระยะที่ 1 ของรถไฟใต้ดินเฉิงตูสาย 13 ส่วนใหญ่ผ่านเขตชิงหยาง เขตจินเจียง เขตหลงเฉียนอี้ และพื้นที่อื่นๆ โดยสถานีส่วนใหญ่จะผ่านเขตเมืองตอนกลาง ซึ่งมีปริมาณการจราจรสูง ซึ่งไม่สามารถทำการก่อสร้างแบบเปิดได้ทั้งหมด จึงใช้วิธีการขุดแบบปิดครึ่งหนึ่ง ด้วยการแบ่งหลุมฐานรากใต้ถนนสายหลักออกเป็นสองส่วน หลังจากที่ขุดดินด้านหนึ่งแล้ว จะมีการเพิ่มฝาครอบคอนกรีตเสริมเหล็กเพื่อให้ยานพาหนะผ่านไปได้ จากนั้นอีกด้านหนึ่งจะถูกขุดเพื่อสร้างพื้นผิวการทำงานแบบ "เปิดครึ่งและปิดครึ่ง"
...
บัญชีเว่ยป๋ออย่างเป็นทางการของโครงการก่อสร้างรถไฟ ระบุว่า ท่อน้ำ 2 ท่อที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร และ 0.3 เมตร ตามลำดับ ซึ่งฝังอยู่ใต้ดินลึกประมาณ 2 เมตร เกิดแตกโดยไม่ทราบสาเหตุ นอกหลุมก่อสร้างของสถานีถนนเซียวหนาน ส่งผลให้พื้นผิวถนนยาวประมาณ 12 เมตร พังถล่ม แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บในที่เกิดเหตุ เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการก่อสร้าง และการดำเนินงานระบบขนส่งทางราง
ทั้งนี้ บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาชมต้นแปะก๊วยพื้นเมือง ขณะที่รถไฟใต้ดิน "เฉิงตู เมโทรไลน์ 13" มีกำหนดจะเปิดให้บริการในปี 2568 และมีสถานีใต้ดินรวมทั้งสิ้น 21 สถานี.
ที่มา Beijing News
ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign