บรรดาคนรักแมวในญี่ปุ่น หันมาใช้แอปพลิเคชัน "แคตส์มี" (CatsMe!) ช่วยประเมินความเจ็บปวดบนใบหน้าแมว ก่อนพาไปรักษา

บรรดาทาสแมวในญี่ปุ่น เริ่มหันมาใช้แอปพลิเคชัน "แคตส์มี" (CatsMe!) ซึ่งเป็นแอปฯ สมาร์ทโฟนที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งอ้างว่าแอปฯ จะช่วยประเมินได้ว่าแมวรู้สึกเจ็บป่วยหรือไม่ ซึ่งช่วยลดการคาดเดาได้ว่าเมื่อใดที่เจ้าของจำเป็นต้องนำแมวไปพบสัตวแพทย์

"แคร์โลจี" (Carelogy) สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิฮอน พัฒนาแอปฯ แคตส์มี โดยการฝึก AI กับรูปภาพแมวกว่า 6,000 รูป และมีลูกค้าใช้งานแอปฯ นี้มากกว่า 230,000 ราย นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว นักพัฒนากล่าวว่า แอปฯ มีความแม่นยำมากกว่า 95% และคาดว่าตัวเลขความแม่นยำจะสูงขึ้น เมื่อนำ AI ฝึกฝนกับใบหน้าของแมวมากขึ้น

คาซูยะ เอดามูระ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยนิฮอน กล่าวว่า สัตวแพทย์เช่นเขาสามารถบอกได้ในระดับหนึ่งว่าสัตว์เจ็บปวดหรือไม่ แต่เรื่องนี้อาจเป็นงานที่ยากกว่าสำหรับเจ้าของ "สถิติของเราแสดงให้เห็นว่าแมวสูงอายุมากกว่า 70% เป็นโรคข้ออักเสบหรือปวด แต่มีเพียง 2% เท่านั้นที่ไปโรงพยาบาลจริงๆ" เอดามูระ เสริมว่า "ดังนั้น แทนที่จะใช้การวินิจฉัยขั้นสุดท้าย เราใช้แอปฯ เป็นเครื่องมือในการแจ้งให้เจ้าของทราบว่าสถานการณ์เป็นเรื่องปกติหรือไม่"

มายูมิ คิตะกาตะ วัย 57 ปี เจ้าของแมวที่ชื่อว่า "ชิ" ผู้ใช้แอปฯ "แคตส์มี" รายแรกๆ กล่าวว่า แมวของเธออยู่ในวัยที่จะป่วยด้วยโรคต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ และการสามารถเข้ารับคำปรึกษาสัตวแพทย์ได้ ขณะที่ยังคงลดจำนวนการไปโรงพยาบาลจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับแมวและตัวเธอ

แม้ว่าสัตว์เลี้ยงจะเป็นส่วนหนึ่งของหลายครอบครัวทั่วโลก แต่สัตว์เลี้ยงเหล่านี้ก็มีบทบาทอย่างมากในญี่ปุ่น เนื่องจากจำนวนประชากรสูงวัยและอัตราการเกิดที่ลดลง สมาคมอาหารสัตว์เลี้ยงแห่งญี่ปุ่นประเมินว่า มีสัตว์เลี้ยงแมวและสุนัขเกือบ 16 ล้านตัวในประเทศเมื่อปีที่แล้ว มากกว่าจำนวนเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี

...

คิตะกาตะ และแมวของเธอ อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ใจกลางโตเกียว เธอมักติดตามกิจกรรมในห้องน้ำของแมว และใช้แอปฯ เพื่ออ่านใบหน้าของแมวในแต่ละวัน คิตะกาตะ เคยเลี้ยงแมวที่มีชื่อว่า "โซรัน" แมวลายสีน้ำตาลที่ตายลงเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้วด้วยโรคมะเร็ง ขณะมีอายุเพียง 8 ปี เธอกล่าวว่า หากเธอสังเกตเห็นอาการป่วยของมัน บางทีเธออาจนำตัวมันไปรักษามะเร็งเร็วกว่านี้ หรือทำอะไรสักอย่าง ซึ่งมันจะช่วยได้.

ที่มา Reuters

ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign