ทหารเกาหลีเหนือกลุ่มหนึ่ง เดินข้ามเขตปลอดอาวุธเข้าสู่เกาหลีใต้ จนทหารของเกาหลีใต้ต้องยิงปืนเตือน ทำให้พวกเขาล่าถอยกลับไป

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยในวันอังคารที่ 11 มิ.ย. 2567 ว่า ทหารเกาหลีเหนือกลุ่มหนึ่งเดินข้ามเขตปลอดอาวุธ (DMZ) เข้ามาในดินแดนของเกาหลีเหนือเนื่องจากความผิดพลาดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนทหารของเกาหลีใต้ต้องยิงปืนเตือน ทำให้พวกเขาล่าถอยกลับไป

ตามการเปิดเผยของกองทัพเกาหลีใต้ ทหารของเกาหลีเหนือกลุ่มเล็กๆ ถือเครื่องมือภาคสนามหลายชนิด รวมถึง อีเต้อ ข้ามเข้าสู่เขตแดนของเกาหลีใต้ในเวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยทหารกลุ่มนี้เป็นหนึ่งในทหารเกาหลีเหนือ 20 นายที่อยู่บริเวณเขต DMZ ณ เวลานั้น และพวกเขาล่าถอยทันทีหลังทหารเกาหลีใต้ยิงปืนเตือน

“พืชพรรณภายในเขต DMZ โตเร็วมาก และหมุดเขตแดนก็ถูกบดบัง ถนนก็ไม่มี ทำให้ทหารเกาหลีเหนือต้องลุยผ่านหญ้าที่ขึ้นรกนั้น” กองทัพเกาหลีใต้อธิบายพร้อมระบุด้วยว่า หลังจากทหารล่าถอยไปแล้วก็ไม่มีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาจากฝ่ายเกาหลีเหนืออีก

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายเหนือปล่อยบอลลูนขยะหลายพันลูกข้ามพรมแดนเข้าสู่ฝ่ายใต้ ขณะที่รัฐบาลกรุงโซลตอบโต้ด้วยการกลับมากระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อและเพลงเคป๊อปข้ามพรมแดนอีกครั้ง

เมื่อวันจันทร์ คิม โย จอง น้องสาวของคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ออกมาขู่ว่าจะมีมาตรการตอบโต้แบบใหม่หากเกาหลีใต้ยังกระจายเสียงต่อไป และไม่ห้ามนักเคลื่อนไหวจากการปล่อยบอลลูนส่งใบปลิวเข้ามพรมแดน

อนึ่ง คิม จอง อึน ประกาศยกเลิกความพยายามรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสันติกับเกาหลีใต้ทั้งหมด โดยอ้างความเป็นปรปักษ์ที่รัฐบาลกรุงโซลมีต่อพวกเขา

...

นับจากนั้นเกาหลีเหนือก็ทำลายอนุสรณ์สถานสัญลักษณ์การรวมเป็นหนึ่งเดียวในกรุงเปียงยาง และยุติการติดต่อสื่อสารกับเกาหลีใต้ และในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เกาหลีใต้ พบว่า ทหารเกาหลีเหนือแอบมาวางกับระเบิดตามแนวชายแดน และตัดการเชื่อมต่อทางรถไฟกับฝ่ายใต้ รวมถึงตั้งด่านตรวจภายในเขต DMZ ด้วย


เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน เกาหลีใต้ประกาศระงับการบังคับใช้ข้อกำหนดส่วนที่เหลือทั้งหมดของข้อตกลงทางทหารกับเกาหลีเหนือฉบับปี 2561 ทำให้พวกเขาสามารถกลับมาซ้อมรบ และทำกิจกรรมโฆษณาชวนเชื่อบริเวณชายแดน เช่น การกระจายเสียงได้อีกครั้ง.

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc