เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศยุบสภา และเตรียมจัดการเลือกตั้งใหม่ หลังพรรคของเขาพ่ายแพ้พรรคฝ่ายขวาจัดอย่างขาดลอย ในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรป

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ประกาศยุบสภาของประเทศ ในวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. 2567 และเตรียมจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด หลังผลเอ็กซิตโพลชี้ว่า พรรคเรอแนซ็องส์ (RE) ของเขา พ่ายแพ้พรรคฝ่ายขวาจัดในศึกเลือกตั้งรัฐสภาแห่งสหภาพยุโรป

ผลเอ็กซิตโพลเบื้องต้นชี้ว่า พรรคเนชันแนลแรลลี (RN) ฝ่ายขวาจัด ได้คะแนนโหวตเป็นอันดับ 1 ที่ 31.5% ได้เก้าอี้ในรัฐสภายุโรปไปถึง 30 ที่นั่ง มากกว่ากลุ่มพันธมิตรที่นำโดยพรรคเรอแนซ็องส์ ซึ่งตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 15.2% กว่าเท่าตัว ส่วนอันดับ 3 คือ พรรคสังคมนิยม ตามมาติดๆ ที่ 14.3%

หลังผลเอ็กซิตโพลได้รับการเปิดเผยออกมา นายจอร์แดน บาร์เดลลา หัวหน้าพรรค RN ก็ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยฉลองชัยชนะต่อหน้าผู้สนับสนุนที่สำนักงานใหญ่ของพรรค พร้อมเรียกร้องให้ นายมาครง ยุบสภา เนื่องจากส่วนต่างคะแนนระหว่างทั้ง 2 พรรคนั้นมาก แสดงให้เห็นการไม่ยอมรับในตัวประธานาธิบดีผู้นี้

“ความพ่ายแพ้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับรัฐบาลปัจจุบัน ถือเป็นการยุติวังวน และถือเป็นวันที่ 1 ของยุคหลังมาครง” นายบาร์เดลลากล่าว

ภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากนั้น นายมาครง ก็ออกแถลงการณ์ไปทั่วประเทศ ประกาศว่า เขาจะยุบสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศส และจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยการลงคะแนนรอบแรกจะเกิดขึ้นในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ตามด้วยรอบ 2 ในวันที่ 7 ก.ค.

“ผมได้ตัดสินใจที่จะคืนตัวเลือกในการโหวตรัฐสภาในอนาคตคืนแก่พวกคุณ ดังนั้นผมจึงขอยุบสภาแห่งชาติในช่วงค่ำวันนี้” นายมาครง ประกาศ “นี่เป็นการตัดสินใจอย่างจริงจังและหนักอึ้ง แต่เหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นการแสดงความเชื่อมั่น เชื่อมั่นในตัวพวกคุณ เหล่าเพื่อนร่วมชาติของผม เชื่อในความสามารถของชาวฝรั่งเศสที่จะตัดสินใจอย่างเป็นธรรมที่สุด”

...

อนึ่ง ภายใต้ระบบของฝรั่งเศส การเลือกตั้งจะจัดขึ้นเพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 577 คน และส่วนการเลือกประธานาธิบดีจะมีการเลือกตั้งแยกต่างหาก ซึ่งจะยังไม่จัดขึ้นจนกว่าจะถึงปี 2570

ด้านนางมารีน เลอ แปน ผู้พ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสให้แก่ นายมาครง ถึง 2 ครั้ง ในปี 2560 กับปี 2565 ก่อนที่พรรค RN ที่เธอสังกัดจะมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ออกมาตอบรับการตัดสินใจยุบสภาของ นายมาครง และว่า “เราพร้อมจะรับมอบอำนาจหากชาวฝรั่งเศสฝากความเชื่อใจไว้ที่เรา”

“เราพร้อมที่จะสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ พร้มอที่จะปกป้องผลประโยชน์ของฝรั่งเศส, พร้อมที่จะยุติการอพยพเข้าเมืองจำนวนมหาศาล, พร้อมที่จะให้ความสำคัญกับอำนาจการซื้อของฝรั่งเศสเป็นอันดับแรก และพร้อมที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศอีกครั้ง”

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ ประธานาธิบดีมาครง เริ่มการบริหารประเทศสมัยที่ 2 ในปี 2565 เขาครอบครองเสียงข้างมาก และใช้กฎหมายมาตราที่ 49.3 ในรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส เพื่อออกกฎหมายโดยไม่ต้องผ่านการโหวตในสภาหลายต่อหลายครั้ง สร้างความไม่พอใจแก่สมาชิกสภาฝ่ายค้าน และชาวฝรั่งเศสจำนวนมาก

ครั้งล่าสุดที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสต้องยุบสภาเกิดขึ้นในปี 2540 ทำให้ประธานาธิบดีฌาก ชีรัก เสียเสียงข้างมากในสภา และทำให้พรรคสังคมนิยมก้าวขึ้นสู่อำนาจภายใต้การนำของ ลียอแนล ฌ็อสแป็ง.

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cnn