โจ ไบเดน ออกคำสั่งประธานาธิบดี จำกัดจำนวนผู้ขอลี้ภัยเข้าสู่สหรัฐฯ จากชายแดนเม็กซิโก หวังแก้ปัญหาคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 4 มิ.ย. 2567 ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ประกาศลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร (executive order) ซึ่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่ระงับการขอเข้าสหรัฐฯ ในฐานะผู้ลี้ภัยจากชายแดนเม็กซิโก หากจำนวนคนเข้าเมืองใน 1 สัปดาห์ เกินค่าเฉลี่ย 2,500 คนต่อวัน และจะเปิดชายแดนอีกครั้งเมื่อค่าเฉลี่ยลดลงเหลือต่ำกว่า 1,500 คนต่อวัน โดยคำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันอังคารเป็นต้นไป

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ นายไบเดน เป็นความพยายามใช้คำสั่งฝ่ายบริหารในการแก้ปัญหาคนเข้าเมืองผิดกฎหมายบริเวณชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก หลังจากมาตรการที่พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันช่วยกันร่าง ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังเป็นความพยายามสร้างความได้เปรียบในประเด็นเรื่องผู้อพยพ ก่อนที่ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี จะดีเบตกันเป็นครั้งแรกในช่วงสิ้นเดือนนี้

ในการแถลงที่ทำเนียบขาว ไบเดน ระบุว่า รีพับลิกันในสภาคองเกรสขัดขวางมาตรการชายแดนที่ 2 พรรคตกลงร่วมกัน ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้คำสั่งฝ่ายบริหาร

เมื่อคำสั่งมีผลบังคับใช้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จะสามารถส่งตัวผู้อพยพที่เข้าสู่สหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายกลับประเทศต้นทางได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง หากโควตาในแต่ละวันเกินเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว โดยไม่ต้องเข้ากระบวนการตรวจสอบการขอลี้ภัย เว้นแต่จะเข้าข่ายยกเว้น เช่น เป็นเด็กที่ไม่มีผู้ใหญ่มาด้วย, เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์, ผู้ที่ต้องรับการรักษาพยาบาลเร่งด่วน หรือมีอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัยอย่างปัจจุบันทันด่วน

...

ผู้อพยพผิดกฎหมายที่มีความพยายามจะเข้ามาอีกครั้ง อาจต้องโทษซึ่งรวมถึงการห้ามเข้าสหรัฐฯ 5 ปี หรือถูกดำเนินคดีอาญา

ทั้งนี้ นับตั้งแต่รัฐบาลไบเดนเข้ามาบริหาร สหรัฐฯ หยุดผู้อพยพไม่ให้เข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายไปแล้วมากกว่า 6.4 ล้านคน แม้จำนวนผู้อพยพจะลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนธันวาคม แต่เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ ระบุว่า จำนวนก็ยังคงสูงมากเกินไป และอาจเพิ่มขึ้นอีกเมื่อสภาพอากาศดีขึ้นจนเหมาะแก่การเดินทาง

คำสั่งของไบเดนอยู่ภายใต้กฎหมายสัญชาติและผู้อพยพ ส่วนที่ 212(f) (Immigration and Nationality Act) ซึ่งอนุญาตให้ประธานาธิบดีจำกัดการเข้าประเทศของผู้อพยพบางคนได้ หากพวกเขาถูกพิจารณาแล้วว่าอาจเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และเป็นกฎหมายเดียวกับที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยพยายามใช้ห้ามชาวมุสลิมเข้าประเทศ ในสมัยที่เขาเป็นประธานาธิบดี แต่ถูกฟ้องร้องคัดค้าน

แน่นอนว่าคำสั่งของ ไบเดน ก็ต้องเผชิญการต่อสู้ทางกฎหมายเช่นกัน โดยสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (American Civil Liberties Union : ACLU) ซึ่งเคยขัดขวางทรัมป์สำเร็จมาแล้ว ประกาศว่า พวกเขาจะฟ้องรัฐบาลไบเดน เพื่อคัดค้านคำสั่งนี้ เพราะมองว่าคำสั่งของไบเดนและของทรัมป์ก็ไม่ต่างกัน

นายลี เกเลิร์นท์ รองผู้อำนวยการของ ACLU ย้ำว่า พวกเขาไม่ได้สนับสนุนให้รับทุกคนที่เป็นผู้ลี้ภัย แต่สหรัฐฯ ได้เคยให้สัญญาไว้แล้วหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่า เราจะไม่ส่งใครกลับไปโดยไม่ทำการคัดกรองพวกเขาก่อน คำสั่งล่าสุดไม่แม้แต่จะคัดกรองด้วยซ้ำว่าพวกเขาตกอยู่ในอันตราย เพราะความเชื่อทางศาสนา หรือมุมมองทางการเมืองหรือไม่.

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : apnews