CDC สหรัฐฯ จับตาโควิดสายพันธุ์ KP.2 น้องใหม่มาแรงสุด พบติดเชื้อเพิ่มขึ้น มีการกลายพันธุ์เพิ่มจากสายพันธุ์ JN.1 นักวิทย์คาดอาจทำให้หลบหลีกภูมิจากการฉีดวัคซีนได้ดีมากขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูล จะก่อให้เกิดอาการป่วยแรงขึ้นหรือไม่
เมื่อ 13 พ.ค. 2567 ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) รายงานสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการระบาดระลอกใหม่ พบว่าขณะนี้เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ KP.2 ซึ่งเป็นเครือญาติกับสายพันธุ์ JN.1 กำลังเป็นเชื้อโควิดสายพันธุ์ที่พบคนติดเชื้อมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา เพราะขณะนี้พบคนติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ KP.2 เพิ่มขึ้นมาเป็น 28% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ แล้ว โดยเพิ่มจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งยังพบคนติดเชื้อโควิด KP.2 แค่เพียง 6%
CDC ระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์ KP.2 กลายเป็นสายพันธุ์ที่โดดเด่นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนแล้ว เพราะมีคนติดเชื้อในสัดส่วนเพิ่มขึ้น มาแทนที่สายพันธุ์ JN.1 ซึ่งพบคนติดเชื้อมากที่สุดในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม มีนักวิทย์บางคนได้เรียกเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ KP.2 และสายพันธุ์ KP.1.1 ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในตำแหน่งสำคัญเหมือนกันว่า กลุ่มสายพันธุ์ ‘FLirt’ (เฟลิร์ต) ซึ่งเชื้อโควิดทั้งสองสายพันธุ์นี้เป็นทายาทของสายพันธุ์ JN.1 ซึ่งเป็นรุ่นหลานของสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron)
...
ตามรายงานของ CDC ของสหรัฐฯ พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ KP.2 และ KP.1.1 เป็นอัตราส่วนถึง 35.3% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้นจาก 7.1% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
สำหรับเชื้อโควิด KP.2 เป็นสายพันธุ์ที่เป็นเครือญาติใกล้ชิดกับสายพันธุ์ JN.1 ซึ่งระบาดหนักเมื่อช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา โดยโควิดสายพันธุ์ KP.2 มีการกลายพันธุ์เพิ่มเติม 3 ตำแหน่งที่สไปก์โปรตีน หรือโปรตีนหนามของเชื้อโควิด เมื่อเทียบกับสายพันธุ์ JN.1 จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า โควิด KP.2 อาจหลบหลีกภูมิต้านทานจากวัคซีน หรือการติดเชื้อก่อนหน้านี้ได้ดียิ่งขึ้น
ขณะที่มีรายงานผลวิจัยในห้องแล็บจากญี่ปุ่น ซึ่งได้ตีพิมพ์งานวิจัยก่อนจะได้รับการตรวจทานโดยคณะผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ในปัจจุบันที่ได้รับการแนะนำให้ใช้ในสหรัฐฯ นั้น อาจป้องกันสายพันธุ์ KP.2 ได้น้อยกว่าสายพันธุ์ JN.1 และในขณะเดียวกัน โควิดสายพันธุ์ KP.2 ก็อาจมีประสิทธิภาพในการติดเชื้อในเซลล์มนุษย์ได้ยากกว่าสายพันธุ์ JN.1 ซึ่งนั่นหมายถึงต้องมีเชื้อโควิดปริมาณสูงกว่า จึงสามารถจะก่อให้เกิดการติดเชื้อในร่างกายของมนุษย์ได้
นอกจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญกล่าวด้วยว่า คนที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ JN.1 แล้ว ยังมีภูมิคุ้นกันในร่างกายที่จะต่อสู้กับ KP.2 ได้ ส่วนอาการจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ KP.2 ในขณะนี้ CDC ของสหรัฐฯ ยังไม่สามารถรวบรวมข้อมูลที่แน่ชัดได้ เพราะการติดตามอาการของโรคโควิด-19 จากการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่นั้น จะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง จึงจะประเมินได้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่จะก่อให้เกิดอาการป่วยรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่
ติดตามข่าวต่างประเทศได้ที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา nbcnews