ปูตินเตรียมเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดัน ‘เซอร์เก ชอยกู’ คนสนิทรับตำแหน่งในสภาความมั่นคง และให้นักเศรษฐศาสตร์มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมแทน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พ.ค. 2567 สภาสูงของรัสเซียประกาศว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน เตรียมเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้นายอันเดร เบลูซอฟ รองนายกรัฐมนตรี มารับตำแหน่งแทนพลเอก เซอร์เก ชอยกู คนสนิทของปูตินซึ่งอยู่ในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2555
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวล่าสุดไม่ใช่การลดตำแหน่งแต่อย่างใด แต่นายปูตินต้องการให้ ชอยกู วัย 68 ปี ไปรับตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติอันทรงอำนาจ แทนที่นาย นิโคไล ปาตรูเซฟ ซึ่งมีอายุ 72 ปีแล้ว
ทั้งนี้ พลเอกเซอร์เก ชอยกูมีความใกล้ชิดกับนายปูตินอย่างมาก ถึงขั้นที่ผู้นำรัสเซียพาเขาไปตกปลาที่บ้านเกิดในไซบีเรียหลายครั้ง และชอยกูก็ได้รับความไว้วางใจให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งที่เป็นเพียงวิศวกรและไม่มีภูมิหลังทางทหาร แม้ว่ากลุ่มคนสนิทของปูตินบางคนจะไม่พอใจก็ตาม
แต่พลเอกชอยกูถูกครหาเรื่องความสามารถในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากสงครามกับยูเครนอุบัติขึ้น และในปี 2566 เยฟเกนี ปริโกซิน ประธานบริษัททหารรับจ้าง วากเนอร์ ก็ก่อลุกฮือโดยอ้างเรื่องไร้ความสามารถของนายชอยกู แต่การกบฏของเขาก็ยุติลงอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การให้นายเบลูซอฟ ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ที่มีประสบการณ์ทางทหารเพียงเล็กน้อย มารับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม แสดงให้เห็นว่า ปูตินต้องการจัดวางภาคเศรษฐกิจและการสงครามของประเทศให้อยู่ในแนวเดียวกันมากขึ้น
นายดีมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลเครมลินระบุว่า การแต่งตั้งพลเรือนให้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงให้เป็นว่า ตำแหน่งนี้ต้องการแนวคิดใหม่ๆ
...
นายเปสคอฟบอกด้วยว่า รัสเซียกำลังเป็นเหมือนสหภาพโซเวียตในช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 ซึ่งอัตราส่วนใหญ่ของจีดีพี คือการใช้จ่ายทางการทหาร ผลก็คือ มีความจำเป็นต้องทำให้แน่ใช้ว่า การใช้จ่ายทางทหารดังกล่าวจะสามารถผสมผสานเข้าสู่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้ดียิ่งขึ้น
ด้านนาย สตีฟ โรเซนเบิร์ก บรรณาธิการของสำนักข่าว บีบีซี รัสเซีย กล่าวว่า การเปลี่ยนตัวพลเอกชอยกูไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เนื่องจากตำแหน่งของเขากำลังอ่อนแอลง และมีการพูดถึงการถอดเขาออกจากตำแหน่งมาสักพักแล้ว จากความล้มเหลวหลายครั้งในยูเครน
ขณะที่การให้นักเศรษฐศาสตร์มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ก็สะท้อนให้เห็นว่าเครมลินกำลังเปลี่ยนแปลงการให้ความสำคัญไปยังด้านอื่น เศรษฐกิจของรัสเซียตอนนี้อยู่ที่การทำสงครามแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่กระทรวงกลาโหมต้องมีเงินเพียงพอสำหรับเป็นทุนทำสงคราม
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc