ภาคใต้ของบราซิลเผชิญน้ำท่วมรุนแรงและดินถล่มหลายจุด หลังฝนตกลงมาอย่างหนัก ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจนเฉียด 60 ศพแล้ว ขณะเจ้าหน้าที่เตือนว่าเขื่อนเสี่ยงแตกอีกแห่ง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหตุน้ำท่วมรุนแรงและดินถล่มหลายจุด อันเป็นผลจากฝนที่ตกอย่างหนักในรัฐ ริโอ กรันดี โด ซูล ทางตอนใต้สุดของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 56 และในวันเสาร์ที่ 4 พ.ค. 2567 และมีผู้สูญหายอีก 67 คน ประชาชนอีกว่า 32,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเพื่อหนีภัยพิบัติตั้งแต่สัปดาห์ก่อน

นอกจากนั้น ประชาชนอีกกว่า 5 แสนคนในภูมิภาค ต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีไฟฟ้าและน้ำสะอาด ขณะที่สถาบันอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของบราซิลพยากรณ์ว่า ฝนจะตกลงมาเพิ่มเติมอีก เมื่อแนวปะทะอากาศเย็นเคลื่อนตัวเข้ามา

ทั้งนี้ สภาพอากาศสุดขั้วที่บราซิลกำลังเผชิญ เป็นผลจากการรวมกันของสภาวะอากาศ 3 อย่างซึ่งเกิดขึ้นได้ยาก ได้แก่ อุณหภูมิที่สูงผิดปกติ, ความชื้นสูง และลมแรง

เมืองในรัฐริโอ กรันดี โด ซูล มากกว่าครึ่งจากทั้งหมด 497 เมือง ได้รับผลกระทบจากพายุฝน ถนนและสะพานหลายสายถูกทำลาย พายุยังทำให้เกิดดินถล่มหลายจุด และทำให้เขื่อนของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็กใกล้เมือง เบนโต กอนซัลเวส พังถล่มบางส่วน จนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน มีผู้เสียชีวิตถึง 30 ศพ

...

เจ้าหน้าที่เตือนด้วยว่า เขื่อนแห่งที่ 2 ในเมืองเบนโต กอนซัลเวส ก็มีความเสี่ยงที่จะพังทลายเช่นกัน เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นมาก

น้ำท่วมเมืองปอร์โต อาเลเกร เมืองเอกของรัฐริโอ กรันดี โด ซูล
น้ำท่วมเมืองปอร์โต อาเลเกร เมืองเอกของรัฐริโอ กรันดี โด ซูล

ขณะเดียวกัน น้ำในแม่น้ำกวยบา ทะลักล้นตลิ่งเข้าท่วมเมืองปอร์โต อาเลเกร เมืองเอกของรัฐริโอ กรันดี โด ซูล ทำให้ท่าอากาศยานนานาชาติในเมืองแห่งนี้ ต้องประกาศระงับเที่ยวบินทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนด

ด้านประธานาธิบดี ลูลา ดา ซิลวา เดินทางเยี่ยมพื้นที่น้ำท่วมแล้ว และให้สัญญาว่า รัฐบาลกลางจะเข้าให้ความช่วยเหลือ

บราซิลเผชิญน้ำท่วมรุนแรงเป็นครั้งที่ 4 ในรอบไม่ถึง 1 ปี ภายหลังน้ำท่วมในเดือนกรกฎาคม กันยายน และพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 75 ศพ โดยสถาบันอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติระบุว่า บราซิลเผชิญฝนตกบ่อยและรุนแรงขึ้น เพราะผลกระทบจากปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศ เอลนีโญ

ถนนในเมืองโรกา ซาเลส เสียหายเพราะน้ำท่วม
ถนนในเมืองโรกา ซาเลส เสียหายเพราะน้ำท่วม

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc