นอกจากบรรยากาศความขัดแย้งในยุโรปและตะวันออกกลางแล้ว นักวิเคราะห์ความมั่นคงยังคงแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกด้วยเช่นกัน หลังมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆว่า จะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างกองทัพเรือสหรัฐฯกับกองทัพเรือจีนในเวลาไม่กี่ปีข้างหน้า

หลังมีความชัดเจนว่า กองทัพเรือจีนกำลังยกระดับขีดความสามารถทางการรบ พร้อมเพิ่มจำนวนกองเรืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือพิฆาต และเรือดำน้ำ ซึ่งแต่ก่อนไม่มีใครสามารถเทียบเคียงกับสหรัฐฯได้ในเรื่องนี้

แน่นอนว่าหากสถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นจริงๆในอนาคต จุดชี้วัดในเรื่องนี้ย่อมอยู่ที่ใครมีขีดความสามารถมากกว่าในการโจมตีระยะไกลระดับนอกสายตา มีการประเมินเบื้องต้นว่า กองทัพเรือจีนจะมีความได้เปรียบสูงเนื่องจากจะเป็นการเผชิญหน้าในฐานะเจ้าบ้าน กองเรือจีนมีความได้เปรียบกว่าเรื่องการกลับฝั่งไปรับเสบียง บรรจุจรวดต่อต้านเรือรบที่ใช้ไปจนหมดในการปะทะ ซึ่งยากที่จะเติมกันใหม่กลางทะเล

อย่างไรก็ตาม ในงานนิทรรศการซี แอร์ สเปซ 2024 ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. มีบริษัทเอกชนผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเรือรบ กิบส์ แอนด์ ค็อกซ์ เสนอไอเดียว่า มันน่าสนใจหรือไม่ที่จะดำเนินการปรับปรุง “แท่นขุดเจาะน้ำมัน” กลางทะเล ให้เป็นฐานเสบียงลอยน้ำสำหรับกองทัพเรือสหรัฐฯ

ฐานลอยน้ำดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาที่กองทัพเรือจะต้องเผชิญในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก นั่นคือไม่มีสถานที่ปลอดภัยสำหรับเติมจรวดต่อต้านเรือรบ เนื่องจากฐานที่มั่นของกองทัพเรือสหรัฐฯตามหมู่เกาะต่างๆ ล้วนอยู่ในระยะยิงของอาวุธพิสัยไกลที่จะถูกยิงมาจากแผ่นดินใหญ่

คอนเซปต์ของบริษัทมีชื่อรหัสว่า MODEP โดยจะทำการปรับปรุงแท่นขุดเจาะให้สามารถรองรับจรวด (อาทิ จรวดจมเรือ จรวดต้านอากาศยาน) สำหรับบรรจุในแท่นยิงแนวตั้ง อย่างน้อย 512 ลูก พร้อมกับเครน 2 แท่น ที่สามารถขนของได้หนัก 100 ตัน ไว้สำหรับโอนถ่ายของขึ้นลงเรือรบ ไปจนถึงมีคลังน้ำมันเก็บไว้อย่างน้อย 8.7 ล้านลิตร หรือถ้าเป็นไปได้ ก็อาจเพิ่มอู่ไว้สำหรับซ่อมแซมเรือรบที่ได้รับความเสียหาย

...

สิ่งที่บริษัทเล็งไว้คือ มีแท่นขุดเจาะน้ำมัน 6 แท่นในสหรัฐฯที่หมดความจำเป็น และพร้อมที่จะถูกปรับปรุงให้เป็นฐานทัพลอยน้ำ ซึ่งทางกิบส์ แอนด์ ค็อกซ์ คาดว่ากระบวนการดำเนินการดังกล่าวจะใช้เวลาเพียง 2 ปี เท่านี้กองทัพเรือสหรัฐฯก็จะสามารถเติมเสบียงที่ไหนก็ได้ในทะเล เพราะฐานพวกนี้สามารถขับเคลื่อนไปอยู่ที่ไหนก็ได้ เดินทางได้วันละ 200 ไมล์ทะเล (ราว 370 กิโลเมตร).

ตุ๊ ปากเกร็ด

คลิกอ่านคอลัมน์ "หน้าต่างโลก" เพิ่มเติม