หลายคนคิดว่ารัสเซียเพิ่งเจอน้ำมันในไซบีเรีย ขอเล่าเรื่องในอดีตครับว่า ค.ศ.1897 หรือเมื่อ 127 ปีมาแล้ว รัสเซียและสหรัฐฯ สองประเทศเป็นผู้ผลิตน้ำมันร้อยละ 95 ของน้ำมันที่มนุษย์ใช้กันทั้งโลก ระหว่าง ค.ศ.1898-1902 รัสเซียผลิตน้ำมันได้มากกว่าสหรัฐฯ กระทั่ง ค.ศ.1938 บริษัทอะรามโกค้นพบแหล่งน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่นั้น ตะวันออกกลางก็กลายเป็นแหล่งผลิตน้ำมันมากที่สุดของโลกแทนที่รัสเซีย
ค.ศ.1917 เกิดการปฏิวัติทางการเมืองโดยพรรคบอลเชวิค พวกตะวันตกพากันคว่ำบาตรไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เลนิน ผู้นำโซเวียตเริ่มขอความช่วยเหลือจากต่างชาติในการให้เข้ามาสัมปทานสำรวจน้ำมัน ต่อมามีการค้นพบพลังงานในเขตไซบีเรียตะวันตก ทำให้โซเวียตส่งน้ำมันไปยุโรปได้มากขึ้น ค.ศ.1970 ส่งได้ 31 ล้านตัน ค.ศ.1975 (145 ล้านตัน) และ ค.ศ.1977 (210 ล้านตัน)
มีการตั้งกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปกใน ค.ศ.1960 แต่โซเวียตไม่ได้เข้าร่วม จึงผลิตน้ำมันได้อย่างอิสระ ส่งผลให้ ใน ค.ศ.1975 โซเวียตผลิตน้ำมันได้เป็นเบอร์ 1 ของโลก แต่ระยะหลังโซเวียตนำเงินที่ขายน้ำมันได้ไปใช้กับการสร้างกองทัพ ใช้ในการทำสงคราม เช่น สงครามอัฟกานิสถาน (ค.ศ.1979-1989) ทำให้เศรษฐกิจแย่ พอราคาน้ำมันตลาดโลกถูก โซเวียตก็มีรายได้น้อยลงมาก
ระหว่าง ค.ศ.1990-1995 ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกลดลงร้อยละ 40 นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สหภาพโซเวียตบักโกรกและล่มสลาย พอล่มแล้วก็เข้าสู่ยุคการปกครองของประธานาธิบดีเยลต์ซิน เยลต์ซินสั่งให้แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ทำให้บริษัทน้ำมันส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยกลุ่มคนชั้นนำทางการเมืองของรัสเซีย ต่อมา ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น รัสเซียขายน้ำมันได้เงินมากขึ้น แต่เงินดันไปอยู่กับบริษัทเอกชน โดยเฉพาะบริษัทยูโกสและบริษัทซิบเนฟท์
...
รัสเซียเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก+ครอบครองแหล่งก๊าซธรรมชาติสำรองร้อยละ 28 ของโลก รัสเซียเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในโลก+เจ้าของท่อขนส่งก๊าซที่กระจายอยู่ทั่วแผ่นดินของอดีตสหภาพโซเวียตไปสู่ตะวันตก ยุโรป และสหรัฐฯ โดยมีก๊าซพรอมเป็นบริษัทหลักที่ควบคุมการผลิตและการส่งออกก๊าซธรรมชาติของรัสเซียทั้งหมด
ตั้งแต่ ค.ศ.2000 เป็นต้นมา สินค้าส่งออกของรัสเซียร้อยละ 80 เป็นทรัพยากรธรรมชาติ เอาเฉพาะแค่น้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพียง 2 อย่าง คิดเป็นร้อยละ 55 ของสินค้าส่งออกทั้งหมด รายได้ของรัฐบาลรัสเซียมากกว่าร้อยละ 40 มาจากภาษีน้ำมัน
จีนกับอินเดียเป็นประเทศผู้ผลิตที่มีโรงงานมาก ทุกโรงงานต้องใช้พลังงาน รัสเซียมีแหล่งพลังงานสำรองที่ทะเลแคสเปียน รัสเซียทำท่อขนส่งพลังงานจากแคสเปียนไปได้หลายแห่ง เช่น จีน ไปโรงกลั่นน้ำมันในยุโรป และสร้างเส้นทางขนส่งสายใหม่ไปทวีปอเมริกาเหนือ
สมัยเยลต์ซิน บริษัทหลักในอุตสาหกรรมน้ำมันรัสเซียมี 13 บริษัท ระหว่าง ค.ศ.1999-2004 เหลือเพียง 8 บริษัท (มีบริษัทของรัฐเพียงแห่งเดียวคือบริษัทรอสเนฟท์) ระหว่าง ค.ศ.2004-2008 บริษัทหลักที่ควบคุมพลังงานของรัสเซียมี 5 บริษัท (2 บริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐคือรอสเนฟท์และก๊าซพรอม อีก 3 บริษัทมีเอกชนร่วมถือหุ้นด้วยคือลุคออยล์ เซอร์กัตเนฟท์ก๊าซ และกิจการร่วมค้าทีเอ็นเค-บีพี)
สหรัฐฯและตะวันตกใช้การแซงก์ชันห้ามซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรัสเซียเป็นเครื่องมือควบคุมโลก แต่รัสเซียไม่กลัว เพราะประเทศที่นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อย่างจีนมีพรมแดนติดกับรัสเซีย แถมมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับรัสเซียด้วย
จีนทำให้รัสเซียสามารถใช้แหล่งน้ำมันแห่งใหม่ในไซบีเรียตะวันออก เดิมรัสเซียเคยส่งออกน้ำมันไปจีนและตลาดเอเชียเพียงร้อยละ 3 ของการส่งออกทั้งหมดของรัสเซีย พอถึง ค.ศ.2020 ก็เพิ่มเป็นร้อยละ 30 เดิมรัสเซียฝากความหวังไว้กับตลาดยุโรป แต่ตอนนี้รัสเซียเห็นแล้วว่าตลาดยุโรปไม่มีเสถียรภาพ ชอบเอาการเมืองเข้ามายุ่ง รัสเซียจึงมุ่งขายน้ำมันและก๊าซมาให้เอเชีย
ใครจะคบค้าสมาคมกับรัสเซีย ต้องเข้าใจว่ารัสเซียมีรายได้แท้จริงจากไหน จะได้ทำนายทายเศรษฐกิจรัสเซียถูก เรื่องพลังงานของรัสเซียน่าสนใจมากครับ สัปดาห์หน้ามาว่ากันต่อ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com
คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม