ตำรวจออสเตรเลียเริ่มเปิดเผยข้อมูลผู้เสียชีวิตในเหตุมือมีดไล่แทงคนที่ห้างดังในนครซิดนีย์ออกมาแล้ว โดยรวมถึงลูกสาวของเศรษฐีในวงการสื่อโฆษณา และแม่ลูกอ่อนซึ่งลูกของเธอก็ได้รับบาดเจ็บด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุคนร้ายใช้มีดไล่แทงผู้คนที่ศูนย์การค้า ‘เวสต์ฟีลด์’ (Westfield) บริเวณแยกบอนได ในนครซิดนีย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 13 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา จนมีผู้เสียชีวิต 6 ศพ บาดเจ็บอีก 12 ราย ล่าสุดเริ่มมีการเปิดเผยข้อมูลเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ออกมาแล้ว

คนร้ายในคดีนี้มีชื่อว่า นายโจเอล เคาชี อายุ 40 ปี เป็นชาวรัฐควีนส์แลนด์ เขาไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน แต่เคยพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต เขาถูกวิสามัญฆาตกรรมในที่เกิดเหตุ และตอนนี้ตำรวจก็ยังไม่รู้ว่า แรงจูงใจในการก่อเหตุของเขาคืออะไรกันแน่

ตำรวจกำลังสืบสวนว่า นายเคาชีมุ่งเป้าโจมตีไปที่ผู้หญิงหรือไม่ แต่จากรูปการณ์แล้วดูเป็นเช่นนั้น เนื่องจากในกลุ่มผู้เสียชีวิตเป็นหญิงถึง 5 คน ส่วนอีกคนคือ นายฟาราซ ตาห์อีร์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่พยายามเข้าไปหยุดคนร้าย ขณะที่ผู้บาดเจ็บก็เป็นผู้หญิงถึง 8 จาก 12 คน

หนึ่งในเหยื่อของนายเคาชีคือ น.ส.ดอว์น ซิงเกิลตัน วัย 25 ปี ลูกสาวของนายจอห์น ซิงเกิลตัน มหาเศรษฐีผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจโฆษณา โดยเธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ ในสาขาวิชา สื่อสังคมและดิจิทัล และเธอกำลังทำงานเป็นผู้ช่วยฝ่ายอีคอมเมิร์ซ ของร้าน White Fox Boutique ก่อนที่เธอจะถูกฆาตกรรม

แอชลี กู้ด แม่ลูกอ่อนวัย 38 ปี ซึ่งลูกสาววัย 9 เดือนของเธอก็ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ด้วย
แอชลี กู้ด แม่ลูกอ่อนวัย 38 ปี ซึ่งลูกสาววัย 9 เดือนของเธอก็ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ด้วย

...

ผู้เสียชีวิตอีกรายที่ได้รับการเปิดเผยชื่อคือ น.ส.แอชลี กู้ด วัย 38 ปี โดยเธอเสียชีวิตขณะรับการรักษาที่โรงพยาบาล หลายชั่วโมงหลังเกิดเหตุ ขณะที่ลูกสาววัย 9 เดือนของเธอซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยนั้น ถูกคนร้ายแทงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน และจนถึงตอนนี้ ทารกน้อยยังคงมีอาการอยู่ในขั้นวิกฤติ

ตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ยังยืนยันตัวผู้เคราะห์ร้ายรายที่ 4 ว่าคือ นางเจด ยัง อายุ 47 ปี ผู้ทำงานเป็นสถาปนิกในซิดนีย์ ส่วนรายที่ 5 คือ นางพิเครีย ดาร์เชีย ดีไซเนอร์และนักท่องเที่ยวจากประเทศจอร์เจีย และคนสุดท้ายคือ เฉิง อี้เซียน ชาวจีน

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : independent