• การแถลงเปิดใจของเจ้าหญิงเคท ที่ยอมรับว่าพระองค์ ทรงพระประชวรด้วยโรคมะเร็ง นับว่าเป็นการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของราชวงศ์อังกฤษ หลังจากที่เลือกวิธีที่ผิดพลาดมาโดยตลอด จนเกือบจะไม่สามารถกอบกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้
  • เห็นได้ชัดเจนว่ากระแสข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าหญิงเคท รวมทั้งทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ เกี่ยวกับพระองค์ได้ซาลงไปทันที หลังจากที่เจ้าหญิงแห่งเวลส์ตัดสินพระทัยที่จะออกมาเปิดเผยเรื่องราวต่างๆด้วยพระองค์เอง ผ่านทางคลิปวิดีโอ
  • จากการเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสของผู้ที่เห็นอกเห็นใจ เจ้าหญิงเคท และราชวงศ์อังกฤษ ที่ต้องเผชิญกับข่าวร้ายเกี่ยวกับพระพลานามัยของสมาชิกราชวงศ์คนสำคัญอีกครั้ง

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการที่คนในระดับเจ้าหญิงซึ่งถูกวางตัวให้เป็นพระราชินีองค์ถัดไปของประเทศอังกฤษ จะแสดงความกล้าหาญที่จะเปิดเผยเกี่ยวกับพระอาการประชวรด้วยโรคร้าย เพราะแม้แต่สามัญชนคนทั่วไปก็คงไม่มีใครอยากป่าวประกาศให้คนทั่วโลกต้องรับรู้ว่าตัวเองกำลังเจ็บป่วยและทุกข์ทรมานด้วยโรคร้าย แต่การที่พระองค์ตัดสินพระทัยออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ด้วยพระองค์เองผ่านทางคลิปวิดีโอที่ถูกนำไปเผยแพร่ทั่วโลก ก็นับเป็นการตัดสินพระทัยที่กล้าหาญและชาญฉลาด และเป็นการตัดสินพระทัยที่ดีพอที่จะกอบกู้ความเชื่อมั่นให้แก่ราชวงศ์อังกฤษได้ ก่อนที่อะไรๆ จะเลวร้ายลงไปกว่านี้

...

นักวิเคราะห์มองว่า มรสุมที่พัดกระหน่ำความเชื่อมั่นของราชวงศ์ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากกลยุทธ์ และการเดินเกมที่ผิดพลาดของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสำนักพระราชวังเคนซิงตัน จนทำให้เรื่องยิ่งลุกลามบานปลายโดยไม่จำเป็น ทั้งการเลือกที่จะนิ่งเงียบไม่ชี้แจงใดๆ หลังจากเจ้าหญิงเคทเสด็จออกจากโรงพยาบาลและไม่ปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชนนานนับเดือน รวมทั้งการเผยแพร่ภาพถ่ายของเจ้าหญิงเคทกับพระโอรส พระธิดา ที่มีการตัดต่อ เมื่อวันแม่ ซึ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ความโกลาหลในโลกออนไลน์ก่อนหน้านี้ ยังเป็นตัวสะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่า ข่าวลือสามารถแผ่ขยายวงกว้างออกไปได้มากเพียงใด แม้ว่าจะไม่มีมูลเลยก็ตาม รวมไปถึงเจ้าหญิงเคทมีความสำคัญต่อราชวงศ์อังกฤษขนาดไหน

หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าวออกไป ก็เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่ในแง่ที่ดีของการสร้างภาพลักษณ์ของสมาชิกราชวงศ์ เพราะทำให้เกิดกระแสของผู้ที่เห็นอกเห็นใจเจ้าหญิงเคท และราชวงศ์อังกฤษ ที่ต้องเผชิญกับข่าวร้ายเกี่ยวกับพระพลานามัยของสมาชิกราชวงศ์คนสำคัญอย่างท่วมท้น และการที่พระองค์ตรัสว่าต้องการความเป็นส่วนตัว ในช่วงเวลาที่พระองค์ยังคงรักษาพระอาการ ก็ทำให้คนทั่วโลกต้องดึงสติกลับมาว่า เราได้ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของพระองค์มากเกินไปแล้วหรือไม่

โดยกรณีที่พระองค์ทรงออกมายอมรับเพื่อให้สาธารณชนที่ตั้งคำถาม ได้รู้คำตอบ ก็เหมือนกับครั้งที่สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงยอมรับว่าพระองค์ทรงพระประชวรด้วยมะเร็ง ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ทำให้เห็นว่า เจ้าหญิงเคทก็ควรทำเช่นนั้นเช่นเดียวกัน แต่ทางสำนักพระราชวังเคนซิงตันกลับเลือกที่จะให้ความเป็นส่วนตัวแก่เจ้าหญิงเคท จนต้องเผชิญกับข่าวลือที่แผ่ขยายในทางเสียๆ หายๆ อย่างกับไฟลามทุ่ง ทั้งการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับผลการผ่าตัดช่องท้อง ความสัมพันธ์กับเจ้าชายวิลเลียมที่อาจจะไม่สู้ดี ซึ่งดูจะเป็นที่สนุกปากในโลกโซเชียล เมื่อพระองค์มิได้ปรากฏพระองค์ต่อสายตาของประชาชน

ขณะเดียวกันการเผยแพร่วิดีโอของเจ้าหญิงเคทในครั้งนี้ ก็ทำให้ย้อนไปถึง ครั้งที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่ทรงมีแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์ หลังจากที่เจ้าหญิงไดอานาสิ้นพระชนม์ โดยหลายฝ่ายมองว่าพระองค์ก็ทรงถูกกดดันให้ต้องปรากฏพระองค์ต่อสาธารณะ หลังจากเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่พระองค์ทรงนิ่งเฉย มิทรงแสดงความเห็นใดๆ ซึ่งหากวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ก็ทรงพยายามที่จะปกป้องคนในครอบครัว โดยทรงเห็นแก่หลานชายของพระองค์มาเป็นอันดับแรกที่ต้องสูญเสียพระมารดาไป ซึ่งพระองค์ต้องทรงเปลี่ยนบทบาท เนื่องจากบทบาทในฐานะย่าของหลานชาย และบทบาทในฐานะของพระประมุขของประเทศนั้นไปในทิศทางที่แตกต่างกัน

...

สจ๊วต ฮิคกินส์ อดีตบรรณาธิการของ ซัน ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งเช่นกัน กล่าวชื่นชมเจ้าหญิงแคเธอรีนว่า นี่เป็นความกล้าหาญ ความมีเกียรติ และใช้ความสงบอย่างยิ่ง ในการเผชิญหน้ากับกล้อง แทนที่จะให้ทางสำนักพระราชวังเป็นผู้ออกแถลงการณ์แทนพระองค์เป็นตัวหนังสือ เพราะการจะเปิดเผยว่าตัวเองป่วยด้วยโรคมะเร็งเป็นการตัดสินใจที่เป็นส่วนตัวมากๆ และจะมีเพียงพระองค์และครอบครัวที่ใกล้ชิดเท่านั้นที่จะร่วมกันตัดสินใจครั้งใหญ่ ในการเปิดเผยเรื่องแบบนี้ต่อหน้าสาธารณชน โดยเขาไม่เชื่อว่า เจ้าหญิงแคเธอรีนทรงตัดสินพระทัยทำสิ่งนี้เพราะถูกกดดันจากสื่อ แต่เป็นเพราะต้องการตอบรับต่อกระแสความห่วงใย ความรัก ความเคารพที่พสกนิกรมีต่อว่าที่ราชินีต่างหาก ที่ทำให้พระองค์ตัดสินพระทัยอย่างกล้าหาญเช่นนี้ พร้อมขอให้ทุกคนช่วยกันอธิษฐานขอพรให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวร และตั้งตารอที่จะได้เห็นพระองค์อีกครั้งเมื่อพระองค์ทรงพร้อมแล้ว

ด้านชาร์ลส แอนสัน อดีตเลขานุการด้านสื่อของควีนเอลิซาเบธที่ 2 บอกกับสำนักข่าวบีบีซีว่า การเรียงลําดับข้อมูลที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ยากมากในยุคอินเทอร์เน็ต แต่คลิปวิดีโอของเจ้าหญิงเคท เป็นสิ่งที่ถูกที่ถูกเวลา เพื่อที่จะแจ้งต่อประชาชน และยังเป็นการสร้างพื้นที่เพื่อปกป้องครอบครัวในเวลาเดียวกัน

...

ขณะที่ มาร์ค บอร์โควสกี กูรูด้านการประชาสัมพันธ์ ระบุว่า การสื่อสารสำหรับราชวงศ์ เป็นงานที่ยากที่สุดในโลก เพราะจะเผชิญกับวันที่ดี และวันที่ไม่ดี แต่การออกคลิปแถลงการณ์ครั้งนี้ของเจ้าหญิงเคท ทำให้ทุกอย่างกลับเข้าที่เข้าทางได้ในคราวเดียว โดยขณะนี้มีแต่กระแสของความเห็นอกเห็นใจ ความรักความห่วงใยหลั่งไหลมาจากคนทั่วสหราชอาณาจักรรวมไปถึงทั่วโลกด้วย

แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถาบันกษัตริย์ของอังกฤษอาจจะถูกลดทอนบทบาทและความสำคัญลง แต่ราชวงศ์อังกฤษก็ยังมีความจำเป็นต่อประชาชนอยู่เสมอ วิกฤติที่เกิดขึ้นมาครั้งล่าสุดนี้จึงเหมือนเป็นสัญญาณเตือนให้ราชวงศ์อังกฤษต้องมีการพิจารณาเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ ให้มีความสมดุลกันระหว่างการเก็บรักษาความลับในราชวงศ์ กับการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ที่ข้อมูลข่าวสารไหลเร็วยิ่งกว่าจรวด เพื่อไม่ให้ต้องเผชิญกับวิกฤติศรัทธาของประชาชนซ้ำรอยอีก.

ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล

ที่มา : BBCglobaltimes

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ ราชวงศ์อังกฤษ