เมื่อวันที่ 13 มี.ค. นิตยสารรายสัปดาห์มาเรียนของฝรั่งเศสรายงานอ้างเอกสารลับของกองทัพฝรั่งเศสจำนวน 3 ฉบับ ที่ประเมินถึงสถานการณ์การสู้รบในยูเครน โดยเอกสารฉบับแรกเขียนขึ้นช่วงปลายปี 2566 ระบุว่า ปฏิบัติการตีโต้ฤดูร้อนครั้งใหญ่ของกองทัพยูเครนระหว่าง มิ.ย. ถึง ต.ค. ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่หน่วยรบของยูเครนที่ได้รับการฝึกฝนจากชาติตะวันตก ขณะที่กองทัพรัสเซียได้มีการปรับกระบวนทัพและใช้ยุทธวิธีกับเทคนิคใหม่ๆในสนามรบ จนกลายเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่แก่ตำราการวางแนวป้องกัน ลบล้างความเชื่อเก่าๆ ว่ากองทัพรัสเซียยังคงใช้ตำราการรบแบบคลื่นมนุษย์
นิตยสารฝรั่งเศสมิได้เปิดเผยว่าได้เอกสารดังกล่าวมาจากที่ใด แต่ระบุต่อไปว่าในรายงานฉบับแรกนั้น กองทัพฝรั่งเศสได้ประเมินทิ้งท้ายว่ายูเครนไม่สามารถเอาชนะสงครามครั้งนี้ได้ด้วยการทหาร และการที่ชาติตะวันตกพยายามจบสงครามยูเครนด้วยการใช้กำลังทางทหารถือเป็นการวิเคราะห์และตัดสินใจที่ผิดพลาดทั้งยังไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่งที่จะส่งทหารฝรั่งเศสไปยูเครน
สำหรับเอกสารฉบับที่สอง นิตยสารมาเรียนของฝรั่งเศสรายงานว่า เป็นการประเมินทิศทางปี 2567 กองทัพยูเครนจำเป็นต้องเกณฑ์ทหารใหม่ให้ได้ 35,000 นายต่อเดือน เพื่อรักษาสภาพความแข็งแกร่งของกองทัพ แต่ในความเป็นจริงนั้น กองทัพยูเครนเกณฑ์ทหารใหม่ได้น้อยกว่า 17,500 นายต่อเดือน ตรงกันข้ามกับรัสเซียที่รับอาสาสมัครมาเป็นทหารใหม่ 30,000 นายต่อเดือน ชาติตะวันตกสามารถจัดหาอุปกรณ์ต่างๆสำหรับการผลิตโดรนและการผลิตโดรนฆ่าตัวตายให้กับกองทัพยูเครน แต่สิ่งที่ทำไม่ได้คือการผลิตกำลังพล
นอกจากนี้ เอกสารฉบับที่สองยังระบุว่า หน่วยรบพิเศษของชาติตะวันตกอยู่ในยูเครนเยอะกว่าที่รับรู้กัน ในจำนวนนี้รวมถึงหน่วยรบพิเศษอังกฤษและคอมมานโดนาวิกโยธินฝรั่งเศส พร้อมตั้งคำถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่ทหารของชาติตะวันตกจะเข้าไปทำหน้าที่หลังบ้านแทนเจ้าหน้าที่ยูเครน เพื่อที่กองทัพยูเครนจะได้โยกย้ายกำลังพลในแนวหลังไปอยู่ในแนวหน้า มีทหารในแนวรบมากขึ้น แก้ปัญหาระยะสั้นเรื่องกำลังพลขาดแคลน
...
ส่วนเอกสารฉบับที่สาม กองทัพฝรั่งเศสรายงานถึงสถานการณ์การสู้รบที่เมืองป้อมปราการอับดีเยฟกา ในจังหวัดโดเนตสก์ ซึ่งแตกพ่ายแก่รัสเซียไปเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นการล่าถอยอย่างเต็มรูปแบบของกองทัพยูเครนชนิดที่ไม่ทันตั้งตัวและกองทัพยูเครนยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ต่อกรณีที่กองทัพอากาศรัสเซียดัดแปลงระเบิดปกติให้เป็นระเบิดร่อน ซึ่งทำให้เครื่องบินรบของรัสเซียอยู่นอกระยะทำการของระบบต่อต้านอากาศยาน และยังส่งผลให้ทหารยูเครนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บมากกว่า 1,000 นายต่อวัน.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่