เหตุการณ์ เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, วอทส์แอพ, เธรดส์ หรือแม้แต่ เมสเซนเจอร์ “ล่ม” ทั่วโลกเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ผู้คนเลยแห่ไปเขียนบนโซเชียลมีเดีย เอ็กซ์ หรือเดิมคือทวิตเตอร์ ว่าพวกเขาถูก “เตะออก” จากเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมโดยไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้ ก็ทำโกลาหลว่าบัญชีของตนน่าจะโดนมือดี “แฮ็ก” เสียแล้ว แถมพวกแฮกเกอร์หลายกลุ่มก็ไม่พลาดออกมาอ้างว่าการ “หยุดทำงาน” ของโซเชียลมีเดียพวกนี้เป็นฝีมือของตน!
แต่หากย้อนกลับไปตรวจสอบเหตุการณ์หยุดชะงักของสื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้มักไม่ได้มาจากฝีมือของอาชญากรไซเบอร์ อย่างเมื่อ 4 ต.ค.2564 ทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมก็เคยเผชิญปัญหาขัดข้องครั้งใหญ่ในระหว่างการบำรุงรักษาตามปกติบนเครือข่ายหลัก ซานโตส ชนารธัน รองประธานฝ่ายวิศวกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของเฟซบุ๊กหรือเมตา อธิบายว่าอุปกรณ์ตรวจสอบภายในควรหยุดการกำหนดค่าที่ผิดพลาด แต่ข้อบกพร่องของซอฟต์แวร์ทำให้การควบคุมล้มเหลว คำสั่งที่ผิดพลาดได้ดำเนินการผ่านเราเตอร์หรือตัวกระจายสัญญาณวงกว้างที่เป็นแกนหลักของการส่งข้อมูล ส่งผลให้ยุติการเชื่อมต่อกับศูนย์ข้อมูลของเฟซบุ๊ก
ในครั้งนั้น เฟซบุ๊กรวมถึงโซเชียลในเครือทั้งเมสเซนเจอร์, อินสตาแกรม, วอทส์แอพ หายต๋อมไปจากอินเตอร์เน็ตนาน 6 ชม. ชาวเน็ตก็แห่เข้า “ทวิตเตอร์” ที่เป็นคู่แข่งสำคัญของ วอทส์แอพ และเธรดส์ ซึ่งเมื่อ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา แฮชแท็ก “เฟสล่ม” ก็ติดเทรนด์เอ็กซ์ จนอีลอน มัสก์ เจ้าพ่อสเปซเอกซ์ เทสลา และเอ็กซ์ ได้ทีโพสต์ข้อความบนเอ็กซ์ โวทับบลั๊ฟแหลกว่า “หากคุณอ่านโพสต์นี้ได้ นั่นก็เพราะเซิร์ฟเวอร์ของเรากำลังทำงานอยู่”
แม้การ “ล่ม” ราว 2 ชม. ของโซเชียลมีเดียดังทั้งหลายในค่ายเมตาเมื่อ 5 มี.ค.จะส่งผลกระทบไปทั่วโลก แต่ถูกจับจ้องและตั้งคำถามและอย่างมากในสหรัฐอเมริกาที่ดันเกิดในช่วง “ซุปเปอร์ ทิวส์เดย์” ที่ 15 รัฐจัดการเลือกตั้งขั้นต้นและผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศจะออกไปลงคะแนน การหยุดทำงานของโซเชียลมีเดียเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองหวังเข้าถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งในนาทีสุดท้าย หรือเตือนให้ผู้คนไปลงคะแนน
...
เว็บไซต์เทคครันช์ระบุว่า แอปในตระกูลของเมตามีบทบาทอย่างมากในช่วงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ลำพังวอทส์แอพ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานถึง 3.98 ล้านรายต่อเดือน ขณะหลายสื่อในสหรัฐฯ ก็เผยว่าค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาทางการเมืองยังคงมุ่งเป้าไปที่สื่อแบบดั้งเดิม ส่วนใหญ่เป็นโทรทัศน์ แต่เว็บไซต์ อินไซเดอร์ อินเทลลิเจนซ์ ระบุว่ามากกว่า 28% ของค่าใช้จ่ายโฆษณาทางการเมืองที่คาดการณ์ไว้ในปี 2567 จะมุ่งไปที่แพลตฟอร์มดิจิทัล โดยเชื่อว่า “เมตา” ได้รับอยู่ที่ 4.5% ของยอดรวม ตกประมาณ 12,320 ล้านดอลลาร์ หรือราว 440,500 ล้านบาท.
ภัค เศารยะ
คลิกอ่านคอลัมน์ "หน้าต่างโลก" เพิ่มเติม