หมอเกาหลีใต้ยังคงประท้วงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเส้นตายที่รัฐบาลขีดไว้จะผ่านพ้นไปแล้ว ล่าสุดออกมาเดินประท้วงในกรุงโซล เพื่อต้านแผนรับนักศึกษาแพทย์เพิ่มของรัฐบาล

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หมอในเกาหลีใต้จำนวนหลายพันคนออกมาเดินขบวนประท้วงในกรุงโซล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. 2567 เพื่อประท้วงต่อต้านแผนเพิ่มจำนวนนักศึกษาแพทย์ของรัฐบาล ซึ่งส่งผลให้แพทย์อายุน้อยจำนวนมากลาออกหรือผละงานประท้วง จนโรงพยาบาลหลายตกอยู่ในสภาวะปั่นป่วน

รัฐบาลขีดเส้นตายวันที่ 29 ก.พ. ให้กลุ่มแพทย์กลับไปทำงาน มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษถึงขั้นจับกุมและยกเลิกใบประกอบวิชาชีพแพทย์ แต่กลุ่มหมอเพิกเฉยและเคลื่อนไหวประท้วงอย่างต่อเนื่อง

ในวันอาทิตย์ แพทย์หลายพันคนสวมหน้ากากสีดำออกมารวมตัวประท้วง โดยบางคนโบกป้ายข้อความว่า “เราต่อต้านการเพิ่มจำนวนรับสมัครนักศึกษาของโรงเรียนแพทย์”

“รัฐบาลกำลังผลักดันการปฏิรูปแต่เพียงฝ่ายเดียว และเหล่าแพทย์ไม่สามารถยอมรับมันได้ไม่ว่าจะภายใต้สถานการณ์ใดๆ” นายคิม แทค-อู จากสมาคมการแพทย์เกาหลี กล่าวต่อหน้ากลุ่มผู้ชุมนุม “รัฐบาลรู้สาเหตุดีว่าทำไมหมอทุกคนจึงต่อต้านการเพิ่มจำนวนรับสมัครนักศึกษาของโรงเรียนแพทย์ แต่พวกเขากำลังใช้ประโยชน์จากนโยบายต่างๆ เพื่อเปลี่ยนให้หมอกลายเป็นทาสตลอดไป”

ทั้งนี้ แพทย์ฝึกหัดและแพทย์อายุน้อยในเกาหลีใต้เกือบ 10,000 คน ลาออกหรือร่วมกันหยุดงานมานานเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว เพื่อประท้วงแผนของรัฐบาล ที่ต้องการเพิ่มจำนวนรับสมัครนักศึกษาของโรงเรียนแพทย์อีก 2,000 คน นับตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป เพื่อแก้ปัญหาอัตราส่วนแพทย์ต่อจำนวนประชากรของประเทศ น้อยที่สุดในหมู่ชาติพัฒนาแล้ว

อย่างไรก็ตาม กลุ่มแพทย์ในเกาหลีใต้ต่อต้านแผนดังกล่าว อ้างว่าการรับนักศึกษาแพทย์เพิ่มอาจทำให้คุณภาพการศึกษาและการให้บริการลดลง แต่ฝ่ายที่สนับสนุนแผนของรัฐบาลกล่าวหากลุ่มแพทย์ว่า พยายามปกป้องเงินเดือนและสถานะทางสังคมของตัวเองเท่านั้น

...

การหยุดงานจำนวนมากของกลุ่มแพทย์ กำลังสร้างภาระอย่างหนักแห่โรงพยาบาลหลายแห่ง การรักษาสำคัญและการผ่าตัดกว่าครึ่งต่อถูกยกเลิกหรือถูกเลื่อนออกไปตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้รัฐบาลต้องยกระดับการเผ้าระวังด้านสาธารณสุขในประเทศขึ้นสู่ขั้นสูงสุด

แต่ถึงแม้ว่าเส้นตายจะผ่านไปแล้ว รัฐบาลเกาหลีใต้ยังคงพยายามประนีประนอมกับกลุ่มผู้ประท้วง โดยนาย อี ซัง-มิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกกับสื่อท้องถิ่นในวันอาทิตย์ว่า แพทย์ฝึกหัดจะถูกลงโทษเพียงสถานเบาเท่านั้น หากกลับมาทำงานภายในวันนี้ (3 มี.ค.) แต่ถ้าไม่กลับมา รัฐบาลก็ต้องทำตามหลักกฎหมายอย่างไม่มีทางเลือก

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cna