ปธน.เซเลนสกีแห่งยูเครนไปซาอุดีอาระเบีย เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายบิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุฯ เพื่อให้ช่วยเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
สงครามในยูเครนผ่านปีที่ 2 ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนเดินทางไปยังประเทศซาอุดีอาระเบียเพื่อเข้าเฝ้าฯ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียที่ทรงวางพระองค์ในฐานะคนกลางที่มีศักยภาพ ในการเจรจาเพื่อยุติสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย
เว็บไซต์ของนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ระบุว่า เซเลนสกีได้เข้าเฝ้าฯ มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย ที่กรุงริยาด เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2567 เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนของยูเครนที่หวังจะให้รัสเซียยุติการรุกรานทำสงครามในยูเครน โดยประธานาธิบดีเซเลนสกีได้ขอบคุณเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานที่ทรงเข้ามาเป็นคนกลางเจรจาในเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง
...
‘ผู้นำของยูเครนได้เน้นย้ำโดยเฉพาะความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียที่ต้องการช่วยฟื้นฟูสันติภาพในยูเครน’ แถลงการณ์จากประธานาธิบดีเซเลนสกี
ขณะที่สำนักข่าวซาอุดี สื่อทางการซาอุดีอาระเบียรายงานว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานทรงยืนยันถึงความกระตือรือร้นและการสนับสนุนของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเพื่อความพยายามระหว่างประเทศทั้งหมดและความพยายามเพื่อคลี่คลายวิกฤติระหว่างยูเครนกับรัสเซีย
สื่อต่างประเทศชี้ว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งสื่อต่างชาติเรียกพระนามของพระองค์สั้นๆ ว่า 'MBS' ได้วางพระองค์ในฐานะคนกลางที่มีศักยภาพที่จะยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และรัฐบาลซาอุดีอาระเบียยังคงวางแนวทางนโยบายด้านพลังงานสอดคล้องกับรัสเซีย ผ่านทางกลุ่มประเทศ OPEC+
นักวิเคราะห์มีความเห็นว่าการเดินทางมาเยือนซาอุดีอาระเบียของผู้นำยูเครน มีขึ้นขณะที่กองทัพยูเครนกำลังผลักดันการบุกของกองทัพรัสเซียทางภาคตะวันออกของยูเครนได้อย่างช้าๆ ขณะที่รัสเซียเป็นฝ่ายได้เปรียบเหนือกว่ามาตลอดทั้งในเรื่องจำนวนกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ อีกทั้งรัฐบาลยูเครนก็กำลังรอคอยข่าวจากชาติพันธมิตรตะวันตกที่จะให้การช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่ยูเครนวันอังคารที่ผ่านมา โฆษกกองทัพยูเครนยังแจ้งว่าได้มีการถอนกำลังทหารออกมาจากหมู่บ้านกว่า 2 แห่งใกล้เมืองอัฟดีฟกา ในภูมิภาคโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน หลังถูกรัสเซียโจมตีอย่างหนักเมื่อคืนก่อนหน้า
อ่านข่าวต่างประเทศได้ที่:https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : Aljazeera