สภาคองเกรสสหรัฐฯมีทั้งวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขณะนี้ ไม่ว่าสมาชิกสภาสูงหรือสภาล่างต่างแย่งกันเสนอร่าง พ.ร.บ. ห้ามบริษัทไบโอเทคต่างชาติที่เป็น ‘ปฏิปักษ์’ และ ‘น่าเป็นห่วง’ ทำธุรกิจกับผู้ให้บริการทางการแพทย์ที่ได้รับทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ มีผู้ให้บริการทางการแพทย์ในสหรัฐฯจำนวนหนึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาล พวกสมาชิกสภาคองเกรสเสนอร่างกฎหมายไม่ให้บริษัทหรือสถาบันเหล่านี้เกี่ยวดองหนองยุ่งกับบริษัทไบโอเทคต่างชาติ คำว่า ‘ต่างชาติ’ ในที่นี้ หมายถึง ‘บริษัทจีน’ นั่นเอง
ไบเดนดันให้ทุกหน่วยงานของรัฐร่วมมือกันส่งเสริมเทคโนโลยีชีวภาพซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพ พลังงาน ความมั่นคงด้านอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกษตรกรรม และความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน เป้าหมายของรัฐบาลไบเดนก็คือ ต้องการรักษาสถานะความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและศักยภาพในการแข่งขันของสหรัฐฯ
ไบโอเทคหรือเทคโนโลยีชีวภาพสามารถปฏิวัติการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ให้มีความสะดวกสบายขึ้น มีความก้าวหน้าในการรักษาทางการแพทย์ ใช้ในพันธุวิศวกรรมในภาคเกษตร รวมทั้งการผลิตวัสดุชีวภาพใหม่ๆ แต่ก่อน จีนต้องพึ่งไบโอเทคของสหรัฐฯและยุโรป แต่ตอนนี้จีนสร้างยุทธศาสตร์ชาติด้านไบโอเทค จนเกิดความก้าวหน้าขั้นสูงและเป็นความกังวลใจให้กับผู้บริหารและสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ
สหรัฐฯเคยมาแรงด้านไบโอเทค แต่สหรัฐฯมุ่งนำเทคโนโลยีชีวภาพไปใช้ในเรื่องการทหาร ผิดกับจีน ที่มุ่งไปไบโอเทคไปในทางการแพทย์และความมั่นคงด้านอาหาร ทุกครั้งที่มีการเปิดเผยความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีชีวภาพของจีน น้ำแข็งที่สภาคองเกรสขายดี เพราะสมาชิกสภาตาร้อนผ่าว ต้องใช้น้ำแข็งโปะให้เย็นลง พวกสมาชิกสภาคองเกรสชุมนุมสุมหัวกันบ่อยในเรื่องการร่างร่างพระราชบัญญัติที่ปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ (โดยกีดกันจีน) ประชุมกันธรรมดาไม่มีเบี้ยเลี้ยง พวกนี้ก็ตั้งคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งชาติว่าด้วยเทคโนโลยีชีวภาพอุบัติใหม่ โดยให้เหตุผลในการตั้งคณะกรรมาธิการและร่างพระราชบัญญัติว่า เป็นการช่วยปกป้องข้อมูลของรัฐบาลและพลเมืองอเมริกัน รวมทั้งขัดขวางการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากจีน
...
น้ำแข็งยังขายดีแถวมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯ อาจารย์และนักวิชาการของสหรัฐฯออกมาตะโกนว่า จีนใช้แนวทางการตลาดที่ไม่เป็นธรรม ทำให้มีความแตกต่างระหว่างเอกชนและรัฐบาล จีนจะทำให้การตลาดบิดเบือน จีนทำลายบรรทัดฐานด้านวิทยาศาสตร์ของโลก
ผมฟังนักวิชาการอาวุโสของศูนย์เพื่อความมั่นคงและเทคโนโลยีอุบัติใหม่ของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ของสหรัฐฯ แล้วก็รู้เลยครับว่า พวกนี้กีดกันจีน แถมยังดูหมิ่นถิ่นแคลนว่าจีนไม่น่าจะมีความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ถ้ามีก็เป็นการลอกเลียนแบบมาจากสหรัฐฯ อ่านคำให้สัมภาษณ์แล้วน่าสมเพชเวทนามากครับ สิ่งใดที่นักวิจัยจีนค้นคว้าได้ พวกนักวิจัยในมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯจะบอกว่าข้อมูลนี้มาจากสหรัฐฯ
บีจีไอเป็นบริษัทไบโอเทคใหญ่สุดของจีนคิดชุดทดสอบพันธุกรรมและชุดตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์เพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคดาวน์ซินโดรมและความผิดปกติอื่นๆ พอเสนอชุดตรวจนี้ออกไป กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯอยู่ไม่ติด ออกมาประกาศว่า บีจีไอเป็นบริษัททหาร ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯก็ประกาศว่า จะต้องขึ้นบัญชีดำบีจีไอเพราะเทคโนโลยีไบโอเทคของบีจีไอ ‘อาจจะ’ ถูกทางการจีนนำไปใช้ในการสอดแนม
ร่างพระราชบัญญัติที่พวกสภาคองเกรสของสหรัฐฯกำลังร่างกันอยู่นั้น มีทั้งชื่อบริษัทบีจีไอ และอู๋ซี แอปเทค ซึ่งอู๋ซีแอปเทคเป็นบริษัทยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของจีน พวกสมาชิกสภาคองเกรสบอกว่า ไอ้บริษัทยาอู๋ซี แอปเทคนี่ล่ะ เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
เอะอะอะไรก็เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่จีนคิดค้นวิจัยได้ เป็นสมบัติของมนุษยชาติทั้งมวล.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com
คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม